คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภริยาเอาที่ดินอันเป็นสินบริคณห์ไปทำนิติกรรมโอนขายโดยสามีมิได้ยินยอมเป็นหนังสือ ดังนี้ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1476
การที่จำเลยยกอายุความบอกล้างโมฆียะกรรมขึ้นต่อสู้ตามมาตรา 143 ก็ดีและต่อสู้ว่า โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องยกข้อเท็จจริงขึ้นต่อสู้เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย ตามมาตรา 6 ทั้ง 2 ประการนี้เป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบแพ้คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินอันเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยที่ ๑ ภรรยายโจทก์ได้โอนขายที่พิพาทให้จำเลยที่ ๒ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมและโจทก์เพิ่งทราบ จึงได้บอกล้างไปยังจำเลย จำเลยที่ ๑ ให้การรับตามฟ้องจำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอม ที่พิพาทไม่ใช่สินบริคณห์ เป็นสินเดิมของจำเลยที่ ๑ โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตและทราบการซื้อขายมากกว่า ๑ ปี ศาลชั้ต้นกะประเด็นรวม ๔ ข้อ และเห็นว่าใน ๒ ข้อแรกไม่จำต้องสืบ คือจำเลยรับว่าเป็นสินเดิมก็ถือว่าเป็นสินบริคณห์ และในข้อที่ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมหรือไม่ การยินยอมในกรณีเช่นนี้ต้องมีหนังสือตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๗๖ ส่วนในประเด็นข้อ ๓ ที่ว่าโจทก์ทราบการซื้อขายเมื่อใด และข้อ ๔ โจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตจริงหรือไม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตกหน้าทีจำเลยนำสืบก่อน และสั่งให้งดสืบพยานจำเลย ครั้นถึงวันนัดจำเลยที่ ๒ และโจทก์ต่างแถลงโต้เถียงกันว่า อีกฝ่ายหนึ่งควรสืบก่อน และในที่สุดต่างท้ากันว่า ถ้าศาลเห็นว่าประเด็นตกฝ่ายใดนำสืบก่อนแล้ว ให้ฝ่ายนั้นแพ้คดี ศาลชั้นต้นเห็นว่า ประเด็น ๒ ข้อ นี้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีให้เพิกถอนสัญญาซื้อขาย ห้ามจำลเยที่ ๒ เกี่ยวข้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังว่าจากคำฟ้อง คำให้การ และแถลงรับของคู่ความว่าจำเลยที่ ๑ เอาที่ดินพิพาทไปขาย ให้จำเลยที่ ๒ โดยโจทก์มิได้ยินยอมอนุญาติเป็นหนังสือ ฝ่าฝืน ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๔๗๖ นิติกรรมนั้นเป็นโมฆียะ โจทก์มีสิทธิบอกล้างได้ จำเลยมีข้อโต้แย้งอีก ๒ ข้อว่าโจทก์ขายเกิน ๑ ปี คือยกอายุความกาาบอกล้างโมฆียะกรรมตามมาตรา ๑๔๓ กับว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องยกข้อเท็จจริงขึ้นต่อสู้เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายตามมาตรา ๖ เห็นว่าเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบทั้ง ๒ ประการ เมื่อจำเลยไม่สืบก็ต้องแพ้คดี
พิพากษายืน

Share