คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 559/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องคดีแพ่งเรียกทรัพย์คืนอ้างว่าผู้รับเนรคุณโดยกล่าวหมิ่นประมาทผู้ให้นั้น ไม่จำต้องบรรยายถ้อยคำหมิ่นประมาทก็นำสืบได้
เจ้าของร่วมแต่ผู้เดียวก็อาจฟ้องขอถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับเนรคุณได้ในทรัพย์ส่วนที่เป็นของตน
เมื่อศาลล่างพิจารณายกฟ้องโดยยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงซึ่งจำต้องฟังเมื่อวินิจฉัยคดี ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลล่างและให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ซึ่งเป็นสามีภรรยากันฟ้องเรียกที่ดินที่โอนให้แก่จำเลยไปแล้วกลับคืนอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณโดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยกล่าววาจาหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง และด่าบรรพบุรุษของโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งจำเลยยังบังอาจมีหนังสือแจ้งไปยังโจทก์ที่ 2 ให้ย้ายเรือนออกไปจากที่ดินนั้น มิฉะนั้นจะฟ้องขับไล่

จำเลยต่อสู้ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยไม่แสดงให้แจ้งชัดว่าจำเลยกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ว่าอย่างไรต่อโจทก์คนใด ณ สถานที่ใดและว่าผู้ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินคือโจทก์ที่ 1 กับนางอนงค์เป็นเจ้าของรวมกัน การเรียกเอาทรัพย์คืนต้องกระทำร่วมกัน โจทก์ที่ 1 ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนโดยลำพังคนเดียว อนึ่งจำเลยเคยเถียงกับโจทก์บ้างแต่ไม่ถึงกับหมิ่นประมาท และพนักงานสอบสวนได้ประนีประนอมให้เลิกกันแล้ว ถือได้ว่าผู้ให้ได้อภัยแก่ผู้รับในเหตุเนรคุณนั้นแล้วจึงไม่อาจถอนคืนการให้

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและโจทก์ผู้ให้ได้อภัยแก่ผู้รับในเหตุเนรคุณแล้ว

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม เพราะเป็นคดีแพ่ง ถ้อยคำหมิ่นประมาทไม่ต้องบรรยายไว้ก็นำสืบได้ ไม่เหมือนฟ้องอาญาส่วนที่โจทก์ที่ 1 กับนางอนงค์เป็นเจ้าของร่วมในที่พิพาทนั้น หากปรากฏว่าจำเลยเนรคุณ โจทก์ก็ฟ้องโดยลำพังคนเดียวได้อย่างน้อยก็ขอถอนคืนการให้ในส่วนของโจทก์ และทั้งตามสำนวนก็ยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ได้ให้อภัยแก่จำเลยอย่างใดและจำเลยได้ด่าโจทก์ที่ 1 หรือไม่ จึงให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมเพราะแสดงสภาพแห่งข้อหาแจ้งชัดและจำเลยเข้าใจดีจึงได้ให้การต่อสู้ไว้โดยละเอียด อนึ่งถ้าคดีฟังได้ว่าจำเลยเนรคุณต่อโจทก์ที่ 1 จริง โจทก์ที่ 1 ก็ยังมีสิทธิถอนคืนการให้เฉพาะส่วนที่เป็นของตนได้ ส่วนที่จำเลยว่าโจทก์ให้อภัยการเนรคุณของจำเลยแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ได้ตกลงอะไรด้วย และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่อย่างไร ศาลจำต้องฟังคำพยานทั้งสองฝ่ายในข้อนี้ก่อน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share