คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5588/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ถนนที่เป็นทางเข้าออกของที่ดินของโจทก์จะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสองก็ไม่มีอำนาจโดยพลการที่จะนำไม้และสังกะสีไปตอกปิดกั้นประตูทางเข้าออกที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เข้าออกที่ดินของโจทก์ไม่ได้ เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบครองของโจทก์ถือได้ว่าเป็นการเข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,362, 365
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ประกอบด้วยมาตรา 362, 83จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 2,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้รับโทษจำคุกมาก่อนและจำเลยที่ 1 อายุมากแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 56728แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างคือบ้านเลขที่ 52/3 โดยโจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดของศาล เดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับยกให้จากบิดา จำเลยที่ 1เป็นพี่สาวของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 1 มีที่ดินบริเวณใกล้เคียงที่ได้รับยกให้จากบิดาเช่นเดียวกัน โดยที่ดินทั้งหมดเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน และบิดาได้แบ่งแยกเป็นแปลงย่อยยกให้แก่ลูก ๆและได้มีการทำถนนลูกรังในที่ดินของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเพื่อให้บรรดาญาติพี่น้องเข้าออก ขณะที่จำเลยที่ 2 ยังเป็นเจ้าของที่ดินก็ได้ใช้ถนนดังกล่าวนี้ด้วย หลังจากโจทก์ซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลแล้ว ได้ใช้เป็นที่เก็บวัสดุก่อสร้างต่อมาในวันเกิดเหตุได้มีการนำเอาไม้และสังกะสีปิดกั้นทางประตูเข้าออกที่ดินของโจทก์เพื่อมิให้ใช้ถนนลูกรังไปสู่ถนนสาธารณะได้คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในประการแรกว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้กระทำการดังกล่าวหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันตีสังกะสีปิดกั้นประตูเข้าออกที่ดินโจทก์ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
จำเลยทั้งสองฎีกาข้อต่อมาว่า หากฟังว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำรั้วสังกะสีปิดกั้นทางเข้าออกที่ดินโจทก์ การกระทำก็ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกนั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้นำไม้และสังกะสีไปตอกปิดประตูทางเข้าออกที่ดินของโจทก์แม้ถนนลูกรังที่เป็นทางเข้าออกที่ดินของโจทก์จะอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 หรือไม่ก็ตาม จำเลยทั้งสองก็ไม่มีอำนาจโดยพลการที่จะตีกั้นปิดประตูเข้าออกของโจทก์ทำให้โจทก์เข้าออกที่ดินโจทก์ไม่ได้เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบครองของโจทก์ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองเข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share