แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กฎหมายอาญา มาตรา 43 ถือว่าบุคคลใดกระทำการใดลงโดยเจตนาจึงจะเอาโทษหากกระทำโดยมิได้เจตนาแล้วก็บัญญัติไม่เอาโทษและหลักกฎหมาย ในข้อนี้ใช้ครอบมาถึงพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่มพ.ศ. 2495ด้วยตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา11 แห่ง กฎหมายอาญาดังนั้นการที่จำเลยเป็นเจ้าของโรงงานน้ำอัดลมและปรากฏว่าขวดน้ำโซดาได้ปิดแสตมป์ปลอมออกไปจากโรงงานของจำเลยก็ดีหากยังมีทางสงสัยว่าจำเลยอาจได้แสตมป์นี้มาโดยสุจริตไม่รู้ว่าเป็นของปลอมแล้วจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานมีและใช้แสตมป์เครื่องดื่มปลอม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์เครื่องดื่มปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 216 และพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่ม พ.ศ. 2495 มาตรา 10, 16 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธฟ้องของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 216 ประกอบด้วยมาตรา 214และพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่ม พ.ศ. 2495 มาตรา 16 ให้จำคุกไว้ 3 เดือน ปรับ 200 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ตามมาตรา 41 ที่แก้ไขแล้ว มีกำหนด 5 ปี แสตมป์ของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์พยานหลักฐานและเหตุผลตลอดแล้วเห็นว่าข้อเท็จจริงที่จะชี้ขาดมีว่าแสตมป์ปลอมที่ปิดปากขวดโซดาเหล่านั้นมาจากไหน ใครเป็นผู้ปิด และรู้หรือไม่ว่าเป็นแสตมป์ปลอม ซึ่งข้อเหล่านี้โจทก์ไม่มีพยานหลักฐาน นอกจากอ้างการใช้ความสันนิษฐานทุก ๆ ข้อให้เป็นโทษแก่ฝ่ายจำเลยอันอาจผิดพลาดได้ ในเรื่องที่จะรู้ว่าแสตมป์ปลอมหรือไม่เพียงข้อนี้นายจำลองกุลพิศาล นายตรวจสรรพสามิตจังหวัดพยานโจทก์เบิกความว่าแสตมป์ดีหรือปลอมลวดลายคล้าย ๆ กัน ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วจะดูไม่รู้ “ซึ่งหมายความว่า คนธรรมดายากที่จะรู้”
อนึ่งได้ความว่าเจ้าพนักงานยึดเอาแสตมป์ไปจากโรงงานของจำเลย 200 ดวงโดยสงสัยว่าเป็นแสตมป์ปลอมไปตรวจพิสูจน์แล้วจึงรู้ว่าเป็นแสตมป์ดี และนำกลับมาคืน แม้จะฟังว่าแสตมป์ปลอมนี้ได้ปิดปากขวดไปจากโรงงานของจำเลยก็ดี ก็มีทางที่น่าสงสัยว่าจำเลยอาจได้แสตมป์นี้มาโดยการบริสุทธิ์ไม่รู้ว่าเป็นของปลอม
ตามที่โจทก์กล่าวว่าเมื่อแสตมป์ดังกล่าวเป็นแสตมป์ปลอมการจำหน่ายเครื่องดื่มของจำเลยจึงถือเสมือนหนึ่งว่าไม่ได้ปิดและขีดฆ่าแสตมป์เครื่องดื่มของกรมสรรพสามิตต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่ม พ.ศ. 2495 มาตรา 10, 16 แล้วโดยไม่คำนึงว่าจะรู้ว่าเป็นแสตมป์ปลอมหรือไม่นั้นเห็นว่าการหลงหรือเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง เป็นข้อแสดงความจริงใจให้เห็นเจตนาอันแท้จริงและเมื่อกระทำโดยมิได้เจตนาแล้ว กฎหมายอาญามาตรา 43 ก็บัญญัติไม่เอาโทษและหลักกฎหมายในข้อนี้ใช้ครอบมาถึงพระราชบัญญัติภาษีเครื่องดื่ม พ.ศ. 2495 ด้วย ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอาญา มาตรา 11
อาศัยเหตุที่กล่าวมา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิดตามโจทก์ฟ้อง จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลย