คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5581/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์มาแล้ว 3 ครั้ง เป็นเวลาเกือบ 4 เดือน แต่ทนายโจทก์กลับเดินทางไปยื่นอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของกำหนดเวลาดังกล่าว มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในฐานที่เป็นทนายความ ข้ออ้างของทนายโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของทนายโจทก์เสียในระหว่างทางและการจราจรติดขัด ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจเหนือคดีนั้นได้ และขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งจึงเกิดจากความบกพร่องของทนายโจทก์เอง มิใช่เหตุสุดวิสัยที่จะทำให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งซึ่งโจทก์อยู่ในขณะนั้นตามมาตรา 10 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วคอนกรีตและหลักหินที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ออกไปจากที่ดินของโจทก์และปรับสภาพที่ดินให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนรั้วคอนกรีตและหลักหินที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ออกไป และปรับสภาพที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้โจทก์รื้อถอนรั้วคอนกรีต รั้วเหล็ก อาคาร หลังคา และรางน้ำฝนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยออกไปและปรับสภาพที่ดินให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลย ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลย ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 30,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนรั้วคอนกรีต รั้วเหล็ก อาคาร หลังคาและรางน้ำฝนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยออกไปและปรับสภาพที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์รื้อถอนรั้วคอนกรีต รั้วเหล็กอาคาร หลังคา และรางน้ำฝนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยตามแผนที่วิวาทตาม จ.12 ออกไปจากที่ดินของจำเลยตามแผนที่วิวาทหมาย จ.12 และปรับสภาพที่ดินให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ห้ามโจทก์และบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินของจำเลยอีกต่อไป ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 36,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องแย้ง เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระเสร็จแก่จำเลย ให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะรื้อถอนรั้วคอนกรีต รั้วเหล็ก อาคาร หลังคา และรางน้ำฝนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยตามแผนที่วิวาทหมาย จ.12 ออกไปจากที่ดินของจำเลยตามแผนที่วิวาทหมาย จ.12 และปรับสภาพที่ดินของจำเลยให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
วันที่ 11 เมษายน 2545 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ซึ่งจะครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 18 เมษายน 2545 อ้างว่า โจทก์ประสงค์จะเปลี่ยนทนายความคนเดิมประกอบกับคดีมีสรรพเอกสารจำนวนมากซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขอคัดหรือถ่ายคำพิพากษาต่อศาล ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาตามขอไปจนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2545 ครั้นวันที่ 1 พฤษภาคม 2545 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้วที่ 2 อ้างว่าคำพิพากษาของศาลยังพิมพ์ไม่แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาตามขอไปจนถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2545 ต่อมาวันที่ 31 พฤษภาคม 2545 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้วที่ 3 อ้างว่าทนายความคนใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งแทนทนายความคนเดิมจำต้องศึกษาความเป็นมาแห่งคดี ประกอบกับเนื้อหาและคำให้การพยานต่างๆ มีจำนวนมาก ทนายโจทก์ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ต่อไปจนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2545 และวันที่ 5 กรกฎาคม 2545 โจทก์ยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ข้อเท็จจริง และคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งอ้างว่า ทนายโจทก์เดินทางไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นไม่ทัน อันเนื่องจากรถเสียขณะเดินทางและการจราจรติดขัดมาก ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งเพื่อศาลแพ่งดำเนินการตามระเบียบและวิธีการเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลแพ่งมีคำสั่งในคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวว่า รับคำร้อง ให้ส่งคำร้อง คำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ข้อเท็จจริง และอุทธรณ์ของโจทก์ไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งทางโทรสาร และวันที่ 9 กรกฎาคม 2545 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์โดยได้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์วางชำระต่อศาลชั้นต้นแล้วพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าข้ออ้างตามคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งไม่ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับแล้วมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ กับยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง คำร้องขอชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของโจทก์ที่ว่า กรณีมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้โจทก์ไม่อาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจเหนือคดีหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์มาแล้ว 3 ครั้ว เมื่อนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจนถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขยายเป็นเวลาเกือบ 4 เดือน แต่ทนายโจทก์กลับเดินทางไปยื่นอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของกำหนดเวลาดังกล่าว ทั้งๆ ที่มีเวลาจัดเตรียมเอกสารและเขียนอุทธรณ์เป็นเวลานานเกือบ 4 เดือน นั้นแสดงว่าทนายโจทก์มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในฐานที่เป็นทนายความ ข้ออ้างของทนายโจทก์ที่ว่ารถยนต์ของทนายโจทก์เสียในระหว่างทางและการจราจรติดขัด ทำให้โจทก์ไม่สามารถเดินทางไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจเหนือคดีนั้นได้ และขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 นั้น เห็นได้ชัดว่าข้ออ้างของโจทก์ดังกล่าวเกิดจากความบกพร่องของทนายโจทก์เอง จึงไม่อาจนำมาอ้างเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งซึ่งตนอยู่ในขณะนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10 ได้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share