แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การกระทำอันจะถือว่าร่วมกันกระทำนั้น นอกจากร่วมกันในส่วนของการกระทำแล้ว ยังต้องมีเจตนาร่วมกันด้วย แต่จากทางนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่า คำพูดของผู้ตายทำให้จำเลยกับพวกทุกคนเกิดความไม่พอใจ ซึ่งเป็นความไม่พอใจของแต่ละคน ทำให้ทุกคนโกรธและเจตนาทำร้ายต่อผู้ตายเหมือนกัน กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำร้ายผู้ตาย ไม่ใช่เกิดจากเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตาย เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้ตาย แต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปี และฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 1 ปี รวมโทษจำคุก 21 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยใช้ไม้หน้าสามเป็นอาวุธตีผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนนายแก่นได้ใช้มีดเป็นอาวุธแทงผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนี นายแก่นถืออาวุธมีด ส่วนจำเลยกับพวกถือไม้หน้าสามไล่ตามไป เมื่อทันกันพวกของจำเลยใช้ไม้หน้าสามตีผู้ตายหลายครั้ง และนายแก่นใช้มีดเป็นอาวุธแทงผู้ตายอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยกับพวกก็หลบหนีไป มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตาย ผู้เสียหายและจำเลยกับพวกเป็นช่างก่อสร้างที่หมู่บ้านยูนิคโฮม ทุกคนรู้จักกัน ก่อนจะเกิดเหตุฆ่าและทำร้ายกันจะต้องมีเหตุกระทบกระทั่งไม่พอใจกัน ซึ่งโจทก์มีพันตำรวจเอกสุรพงษ์ กายทวาร พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่า ได้ไปยังสถานที่เกิดเหตุสอบถามพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ได้ความว่าผู้ตายได้มาชวนนายชาญซึ่งนั่งดื่มสุราอยู่กับจำเลยกับพวกให้ไปดื่มสุรากับผู้ตายผู้เสียหายและนายพิชัย โดยพูดกระทบกระเทียบว่าพวกผู้ตายดื่มสุราแดง ส่วนจำเลยกับพวกดื่มสุราธรรมดา ผู้ตายชวนนายชาญเพียงผู้เดียว ทำให้จำเลยกับพวกไม่พอใจเกิดโต้เถียงกัน ต่อมาผู้ตายและผู้เสียหายเดินมาที่จำเลยกับพวกดื่มสุรากันอยู่อีกจึงเกิดการทำร้ายกัน เชื่อว่าเหตุที่เกิดขึ้นจากคำพูดกระทบกระเทียบของผู้ตายคำพูดดังกล่าวไม่ได้พูดเจาะจงผู้ใดเป็นการพูดลอย ๆ ทำให้จำเลยกับพวกทุกคนเกิดความไม่พอใจ และเป็นความไม่พอใจเป็นส่วนตัวของแต่ละคน เห็นว่า การกระทำอันจะถือว่าร่วมกันกระทำนั้นนอกจากร่วมกันในส่วนของการกระทำแล้ว ยังต้องมีเจตนาร่วมกันด้วย แต่จากทางนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่า คำพูดของผู้ตายทำให้จำเลยกับพวกทุกคนเกิดความไม่พอใจซึ่งเป็นความไม่พอใจของแต่ละคน ทำให้ทุกคนโกรธและเจตนาทำร้ายต่อผู้ตายเหมือนกัน กรณีเป็นเรื่องต่างคนต่างทำร้ายผู้ตายไม่ใช่เกิดจากเจตนาร่วมกันทำร้ายผู้ตาย เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษในความผิดฐานทำร้ายร่างกายนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีแล้วยังไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุก และโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดเหมาะสมดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น