คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิพากษากลับหรือแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามคำขอของโจทก์ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30,31 คือผู้คัดค้านคำขอซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น เมื่อบุคคลดังกล่าวมิได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา จำเลยซึ่งมิได้ร้องคัดค้านคำขอของโจทก์ จึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 3, 7 ริบเฮโรอีนและกระเป๋าเดินทางของกลาง ส่วนตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งริบให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31 แล้ว ของกลางอื่นคืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายอีริค เอเจอัตโด สามีจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการขอริบทรัพย์สินตั๋วโดยสารเครื่องบินสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์เลขที่ 1 071 4401892961 1 ของกลางอ้างว่าเป็นของผู้ร้องขอให้คืนแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา15 วรรคสอง, 66 วรรคสอง บทหนึ่ง และผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15 วรรคสอง, 65 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2522 (ที่ถูก พ.ศ. 2534) มาตรา 3, 7 ซึ่งมีระวางโทษเช่นเดียวกับผู้ที่กระทำความผิดสำเร็จอีกบทหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้ประหารชีวิต คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1)คงจำคุกตลอดชีวิตริบเฮโรอีนและกระเป๋าเดินทางของกลางสำหรับตั๋วโดยสารเครื่องบินของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์เลขที่ 1 071 4401892961 1 ให้ริบตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของกลางอื่นคืนแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาของจำเลยที่ขอให้คืนตั๋วโดยสารเครื่องบินของสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์เลขที่ 1 071 4401892961 1 จำนวน 1 ฉบับ ของกลางแก่เจ้าของนั้นเห็นว่า กรณีเกี่ยวกับตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางนี้นายอีริค เอเจอัตโด สามีของจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ริบตั๋วโดยสารเครื่องบินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534มาตรา 30 โดยอ้างเหตุว่าเป็นผู้ออกเงินซื้อให้จำเลย และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิดด้วย เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30และ 31 แล้ว ในกรณีดังกล่าวนี้ มาตรา 30 วรรคสามระบุห้ามมิให้นำมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ฉะนั้นผู้ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิพากษากลับหรือแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์ดังกล่าว ก็คือผู้คัดค้านคำขอของโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นเท่านั้น คดีนี้นายอีริค เอเจอัตโดผู้คัดค้านมิได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาแต่อย่างใด แต่ผู้ที่อุทธรณ์และฎีกาเป็นจำเลยซึ่งมิได้ร้องคัดค้านการขอให้ริบทรัพย์ของโจทก์จึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์และฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้นั้น ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาและศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในส่วนนี้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของจำเลยในส่วนที่เกี่ยวกับคำสั่งริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share