คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้ไว้ในคำให้การว่าฟ้องของโจทก์ที่กล่าวว่าจำเลยโดยร่วมกันและแทนกันไม่แจ้งชัดว่าจะให้รับผิดในฐานใดนั้นเป็นฟ้องเคลือบคลุมและว่าการซื้อสิ่งของมิได้มีกรรมการลงนามประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทกิจการนั้นย่อมไม่ผูกพันบริษัทข้อต่อสู้ดังกล่าวนี้เมื่อจำเลยอุทธรณ์จำเลยเป็นแต่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองประการนี้แต่มาในชั้นฎีกาจำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองประการนี้ด้วยศาลฎีกาถือว่าปัญหาข้อกฎหมายนี้จำเลยมิได้หยิบยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ชั้นอุทธรณ์ดังนี้ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้เงินโจทก์ 17,202.10 บาท โดยจำเลยทั้ง 3 ร่วมกันและแทนกันซื้อเครื่องก่อสร้างต่าง ๆ ตามบัญชีท้ายฟ้องซึ่งโจทก์ได้ส่งให้จำเลยตั้งแต่วันที่ 14 ถึงวันที่ 26 มกราคม 2497 ตามสำเนารวม 11 ฉบับ ถึงกำหนดชำระโจทก์ได้ทวงถามแล้วก็ไม่ชำระและปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อเครื่องก่อสร้าง จึงขอให้จำเลยร่วมกันและแทนกันใช้เงินดังกล่าวแล้วและดอกเบี้ย

จำเลยแก้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัดจำเลยที่ 2, 3 เป็นกรรมการ จำเลยที่ 1 ประสงค์จะทำสถานที่ให้เรียบร้อยจึงได้จ้างเหมาบุคคลผู้หนึ่งให้จัดทำบุคคลผู้นั้นจะซื้อจากโจทก์หรือจากใครไม่เกี่ยวกับจำเลย สิ่งก่อสร้างที่ผู้รับเหมาหามาจะมีอยู่ในสถานที่ของจำเลยมีราคาไม่เกิน 5,000 บาทจำเลยไม่เคยมีข้อตกลงในการซื้อเครื่องก่อสร้างจากโจทก์ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่าจำเลยร่วมกันและแทนกันไม่แจ้งชัดว่าจะให้รับผิดในฐานใดเป็นฟ้องเคลือบคลุมการซื้อสิ่งของมิได้มีกรรมการลงนามประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทกิจการนั้นย่อมไม่ผูกพันบริษัท

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 17,202.10 บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งนับแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2497 ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2, 3

จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์ข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้วเรื่องฟ้องเคลือบคลุมและเรื่องข้อบังคับของบริษัทศาลาแดงจำกัดจำเลยจะต้องมีกรรมการลงนามประทับตราตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยหรือไม่นั้น ในชั้นอุทธรณ์จำเลยเป็นแต่อุทธรณ์ข้อเท็จจริงมิได้อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายทั้งสองประการนี้ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัย คงมีข้อวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้เป็นหนี้เงินโจทก์อยู่จริงตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีฟังได้ถนัดว่าฝ่ายจำเลยได้สั่งซื้อสิ่งของจากฝ่ายโจทก์จริงฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงฟังไม่ได้ พิพากษายืน

Share