แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานเสื่อมเสียอิสระภาพตาม กฎหมายอาญามาตรา268วรรคสามเป็นความผิดอาญาแผ่นดินโดยตรง มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวโดยปกติพนักงานอัยการย่อมมีสิทธิจะฟ้องร้องจำเลยในความผิดฐานนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการร้องทุกข์ของผู้เสียหายเพียงแต่โจทก์บรรยายฟ้องถึงเรื่องข่มขืนกระทำชำเราด้วยเพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ตามรูปเรื่องซึ่งความจริงเรื่องข่มขืนกระทำชำเรานั้นผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ไปแล้วย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะถอนได้แต่เฉพาะเรื่องที่เป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้นไม่เกี่ยวกับความผิดอันเป็นอาญาแผ่นดินโดยตรงประการใดเลยและไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิฟ้องคดีของโจทก์ในเรื่องความผิดฐานเสื่อมเสียอิสระภาพดังกล่าวมาแล้ว
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2497 เวลากลางวันจำเลยนี้มิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วย กฎหมายบังอาจใช้อำนาจกระทำร้ายด้วยกำลังกายและมีปืนเป็นศาสตราวุธข่มขืนใจนางเมี้ยนสุทธิปรีดา ซึ่งมิใช่ภรรยาของจำเลย ให้จำยอมให้จำเลยกระทำการข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง เหตุเกิดบนรถไฟกำลังแล่นระหว่างสถานีรถไฟสวีกับสถานีชุมพรในเขตระหว่างตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี ตลอดมาตามทางจนถึงตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญามาตรา 268 วรรค 3
จำเลยปฏิเสธ
ก่อนพิจารณาคดีโจทก์แถลงว่ากรณีเดิมผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แต่ต่อมาได้ถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพมิได้พูดถึงว่าถอนหรือไม่และเนื่องด้วยจำเลยใช้ปืนขู่เข็ญขืนใจผู้เสียหายโจทก์ถือว่าไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวจึงได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีเรื่องนี้
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่าความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพนั้นกินความกว้างต้องดูเจตนาที่ขืนใจให้ทำอะไรก็เป็นผิดฐานนั้น โดยเฉพาะเรื่องนี้ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพประเภทข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นความผิดต่อส่วนตัว เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์เสียแล้วสิทธิการฟ้องร้องคดีของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่าคดีเรื่องนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรค 3 ซึ่งเป็นอาญาแผ่นดินโดยตรงมิใช่ความผิดต่อส่วนตัว โดยปกติพนักงานอัยการย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องจำเลยในความผิดฐานนี้ได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการร้องทุกข์ของผู้เสียหาย เพียงแต่โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องข่มขืนกระทำชำเราด้วยเพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ตามรูปเรื่องซึ่งความจริงเรื่องข่มขืนกระทำชำเรานั้น ผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ไปแล้วย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะถอนได้เฉพาะเรื่องที่เป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้นไม่เกี่ยวกับความผิดอันเป็นอาญาแผ่นดินโดยตรงประการใดเลย และไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิฟ้องคดีของโจทก์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียโดยข้อกฎหมายนั้นย่อมไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี