คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5565/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 78 บัญญัติเหตุอันจะพึงร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ไว้โดยเฉพาะว่าต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 26,32,34,51 หรือมาตรา 52 เท่านั้น ตามคำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 2 และผู้คัดค้านที่ 3 ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยตนเองหรือตัวแทนของตนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 จึงเป็นข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะต้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา 78 ส่วนที่อ้างเหตุคัดค้านว่าผู้คัดค้านที่ 3 ได้พิมพ์โฆษณารูปผู้ร้อง ชื่อพรรคซึ่งผู้ร้องสังกัดอยู่ และชื่อผู้ร้องในแผ่นพิมพ์โฆษณา แต่บอกหมายเลขประจำตัวของผู้คัดค้านที่ 3 ไว้ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งตามหมายเลขดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นความจริงนั้นก็เป็นข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 67 ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตามมาตรา 84 มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามมาตรา 78 จึงเป็นคำร้องที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณา
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 79 บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นคำฟ้องตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 1(3) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งจะต้องชอบด้วยมาตรา 172 วรรคสอง แต่ผู้ร้องบรรยายมาในคำร้องว่า เจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหายและขีดฆ่าชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนซึ่งมีตัวตนออกโดยพลการ มิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ากรรมการผู้ใดได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อหล่นหายหรือขีดฆ่าชื่อผู้ใดซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งออกพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใดจงใจไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 52 จึงเป็นคำร้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ จังหวัดร้อยเอ็ดได้แบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น ๓ เขต โดยเขตที่ ๓ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ๒ คน มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ๒๔ คน ผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๘ ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าในเขตเลือกตั้งนี้มีผู้ได้รับเลือกตั้ง คือ นายเยี่ยมพล พลเยี่ยม และนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส่วนผู้ร้องได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๔ ทั้งนี้เพราะการเลือกตั้งในเขตดังกล่าวกระทำไปโดยมิชอบ และนายเยี่ยมพล พลเยี่ยม กับนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ได้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ กล่าวคือ ในระหว่างการหาเสียงนายเยี่ยมพลได้ให้ตัวแทนแจกจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งครอบครัวละ ๓๐ บาท พร้อมด้วยบัตรโฆษณาชื่อและหมายเลข ๑๙ ของนายเยี่ยมพลทุกครอบครัวในเขตเลือกตั้งที่ ๓ และได้พูดขอให้ผู้นั้นเลือกลงคะแนนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๑๙ เป็นการตอบแทน สำหรับนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ได้ให้ตัวแทนแจกจ่ายเงินและขันน้ำพลาสติกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ ๓ จังหวัดร้อยเอ็ดทุกครอบครัว โดยจ่ายเงินให้ครอบครัวละ ๔๐ บาท กับขัน ๑ ใบ พร้อมบัตรโฆษณาชื่อนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๑ เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้แก่นายนิรันดร์ นอกจากนี้นายนิรันดร์ยังได้พิมพ์ใบปลิวโฆษณาให้ปรากฏรูป ชื่อผู้ร้องและชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผู้ร้องสังกัดอยู่แต่บอกหมายเลขประจำตัวว่าเบอร์ ๑ ซึ่งความจริงแล้วผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๘ นำใบปลิวดังกล่าวไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ในเขตเลือกตั้งที่ ๓ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยเช่น หน่วยเลือกตั้งที่วัดสระโบสถ์ หมู่บ้านชวาว กับหน่วยเลือกตั้งโรงเรียนสามัคคีเสลภูมิบ้านคุ้มใต้ หมู่ที่ ๖ ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหายและขีดฆ่าชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนซึ่งมีตัวตนอยู่ออกโดยพลการทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหล่านั้นไม่สามารถลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้ร้องได้ ทำให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งขอให้ศาลมีคำสั่งว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ดเขตเลือกตั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑ เป็นไปโดยมิชอบให้เพิกถอนการเลือกตั้ง และให้เลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้คัดค้านที่ ๑ ยื่นคำคัดค้านว่า นายอำเภอเสลภูมิและกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ไม่ได้กลั่นแกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหายไป และไม่ได้จงใจช่วยเหลือให้ผู้สมัครคนใดได้รับเลือกตั้งและคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ขอให้ยกคำร้อง
นายเยี่ยมพล พลเยี่ยม ผู้คัดค้านที่ ๒ ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ ๒ ไม่เคยแจกจ่ายเงินหรือให้ตัวแทนออกไปแจกจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง พร้อมด้วยบัตรโฆษณาชื่อและหมายเลข ๑๙ ของผู้คัดค้านแต่อย่างใด การเลือกตั้งเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้คัดค้านที่ ๓ ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านไม่เคยแจกจ่ายเงิน ขันน้ำพลาสติกหรือทรัพย์สินอื่นใด และไม่ได้พิมพ์ใบโฆษณาลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้สำคัญผิด และไม่มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งคนใดดำเนินการกลั่นแกล้งผู้สมัครคนอื่นหรือช่วยเหลือผู้คัดค้านโดยมิชอบ คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม อนึ่ง คำร้องของผู้ร้องที่กล่าวอ้างเกี่ยวกับการคัดค้านการเลือกตั้งนั้น มิได้เป็นไปตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในหมวดการคัดค้านการเลือกตั้งเพราะมิได้เป็นไปตามมาตรา ๒๖ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๔ มาตรา ๕๑ หรือมาตรา ๕๒ แต่อย่างใด ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจร้องคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลจังหวัดร้อยเอ็ดได้พิจารณาคำร้องและคำคัดค้านแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ไม่จำต้องไต่สวน จึงให้งดการไต่สวนและทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่า เห็นควรให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยอ้างเหตุว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๓๕ และมาตรา ๖๗ หรือไม่ และคำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า เป็นไปโดยมิชอบอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา + นั้น เคลือบคลุมหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗๘ บัญญัติเหตุอันจะพึงร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ไว้โดยเฉพาะว่าต้องมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ มาตรา ๓๒ มาตรา ๓๔ มาตรา ๕๑ หรือมาตรา ๕๒ เท่านั้น ตามคำร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุคัดค้านประการแรกว่านายเยี่ยมพล พลเยี่ยม ผู้คัดค้านที่ ๒ และนายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้คัดค้านที่ ๓ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๑๙ และหมายเลข ๑ ตามลำดับ โดยตัวเองหรือตัวแทนของตนได้ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้คัดค้านที่ ๒ ที่ ๓ นั้น จึงเป็นข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา ๘๔ มิใช่เหตุที่จะต้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา ๗๘ และกรณีที่ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านประการที่สองว่า นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้คัดค้านที่ ๓ ได้พิมพ์โฆษณารูปผู้ร้อง ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งผู้ร้องสังกัดอยู่และชื่อผู้ร้องในแผ่นพิมพ์โฆษณา แต่บอกหมายเลขประจำตัวว่าเบอร์ ๑ ซึ่งความจริงแล้วผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๘ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าผู้ร้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข ๑ นั้น ก็เป็นเพียงข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๖๗ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องระวางโทษตามมาตรา ๘๔ มิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามมาตรา ๗๘ แต่อย่างใด สำหรับการร้องของผู้ร้องที่อ้างเหตุคัดค้านประการสุดท้ายว่าเจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งบางหน่วย เช่นหน่วยเลือกตั้งที่วัดสระโบสถ์ในหมู่บ้านขวาว ตำบลขวาว อำเภอเสลภูมิ และหน่วยเลือกตั้งที่โรงเรียนสามัคคีเสลภูมิบ้านคุ้มใต้ หมู่ที่ ๖ ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหาย และขีดฆ่าชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนซึ่งมีตัวตนอยู่ออกโดยพลการนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗๙ บัญญัติให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นคำฟ้องตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา ๑(๓) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสอง แต่ผู้ร้องได้บรรยายคำร้องในส่วนนี้ว่า เจ้าหน้าที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งหล่นหาย และขีดฆ่าชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางคนซึ่งมีตัวตนออกโดยพลการ เช่นนี้คำร้องของผู้ร้องจึงมิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่า กรรมการผู้ใดได้แกล้งทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดหล่นหาย หรือขีดฆ่าชื่อผู้ใดซึ่งมีสิทธิเลือกตั้งออกทั้งที่มีตัวตนอยู่ พอที่จะให้เข้าใจได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใดจงใจไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือกระทำการอันใดเพื่อขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๒ ดังนั้น คำร้องของผู้ร้องจึงเคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ วรรคสอง
เมื่อคำร้องของผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด เขตเลือกตั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๑ เป็นคำร้องที่อ้างเหตุอันมิใช่เหตุที่จะร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗๘ และเหตุที่ร้องคัดค้านการเลือกตั้งตามมาตรา ๕๒ ก็เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๒ วรรคสอง ตามที่วินิจฉัยมาแล้ว จึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้
มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

Share