คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อตกลงและทางปฏิบัติระหว่างจำเลย กับ บ. ผู้ซื้อที่ดินพิพาทของจำเลยจากการขายทอดตลาดโดยยอมให้จำเลยมีสิทธิเป็นเจ้าของฮวงซุ้ยซึ่งได้ก่อสร้างบนที่ดินพิพาทนั้นมาแต่เดิมเป็นการก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยโดยทางนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 แต่เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรกคงใช้ได้ในฐานะบุคคลสิทธิระหว่างคู่กรณีคือ บ. กับจำเลยเท่านั้นและไม่ว่าโจทก์ผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจาก บ. จะรู้ถึงข้อความระหว่าง บ. กับจำเลยมาก่อนหรือไม่หรือซื้อที่ดินพิพาทมาด้วยราคาต่ำก็ตาม ก็ย่อมมีอำนาจในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ที่จะขัดขวางมิให้จำเลยหรือบุคคลอื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 3212 โดยซื้อจากนายบรรจบอธิพงศ์วณิช ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 จำเลยเคยเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวมาก่อนตั้งแต่ พ.ศ. 2526 ถึง พ.ศ. 2530 ระหว่างนั้นจำเลยนำศพบิดามาฝังไว้โดยทำที่บรรจุศพเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาอยู่บริเวณตอนกลางที่ดิน เมื่อโจทก์เข้าครอบครองที่ดินได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนที่ฝังศพออกไป แต่จำเลยขอผัดผ่อนแล้วเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยเคลื่อนย้ายศพบิดาจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์ภายใน30 วัน นับแต่ศาลพิพากษา หากไม่ปฏิบัติตามขอให้โจทก์มีสิทธิขุดศพและฌาปนกิจตามประเพณีทางศาสนาโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง
จำเลยให้การว่า เดิมจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้อง ซึ่งจำนองไว้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาเพชรบูรณ์ ต่อมาใน พ.ศ. 2527จำเลยก่อสร้างที่บรรจุศพ (ฮวงซุ้ย) ในที่ดินตามธรรมเนียมประเพณีคนจีน เมื่อประมาณต้น พ.ศ. 2530 นายบรรจบ อธิพงศ์วณิชนำยึดที่ดินดังกล่าวออกขายทอดตลาดโดยมีข้อตกลงว่าให้จำเลยลงชื่อยินยอมการขายทอดตลาดให้นายบรรจบ โดยนายบรรจบจะกันที่บรรจุศพไว้ให้จำเลย ถ้านายบรรจบจะขายต่อให้ผู้ใดก็ต้องแจ้งให้ผู้ซื้อทราบถึงข้อตกลงนี้ ต่อมาโจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินตามฟ้องจากนายบรรจบและทราบข้อตกลงดังกล่าว ก่อนซื้อโจทก์ได้มาดูที่ดินและเห็นที่บรรจุศพแล้วโจทก์ติดต่อจำเลยให้ไปวัดที่เพื่อกันเป็นที่บรรจุศพ แต่ต่อมาโจทก์กลับไม่ยอมโดยจะบังคับให้จำเลยรื้อถอนที่บรรจุศพออกไปเป็นการผิดข้อตกลง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยเคลื่อนย้ายศพบิดาจำเลยออกจากที่ดินโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ดำเนินการขุดศพบิดาจำเลยได้เองโดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เดิมที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 3212 เลขที่ดิน 216 เนื้อที่ 19 ไร่ 12 ตารางวา อยู่ตำบลนาเฉลียง อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นของจำเลยระหว่าง พ.ศ. 2526 ถึง พ.ศ. 2527 จำเลยสร้างฮวงซุ้ยที่บรรจุศพย่าและบิดาจำเลยตามลำดับ และนำที่ดินพิพาทไปจำนองธนาคารกรุงไทยจำกัด สาขาเพชรบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2529 นายบรรจบ อธิพงศ์วณิชฟ้องจำเลยเรื่องเช็ค ศาลพิพากษาตามยอมเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 249/2529 ของศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระหนี้แก่นายบรรจบ จำเลยผิดนัด นายบรรจบจึงยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาด นายบรรจบเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินพิพาทได้ พ.ศ. 2532 นายบรรจบขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ พ.ศ. 2534 โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ คดีมีปัญหาว่าจำเลยมีสิทธิที่จะให้ฮวงซุ้ยคงอยู่ในที่ดินพิพาทของโจทก์หรือไม่เห็นว่าข้อตกลงและทางปฏิบัติระหว่างนายบรรจบกับจำเลยก่อนที่ดินพิพาทจะเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์นั้น มีลักษณะที่นายบรรจบซึ่งซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลยอมให้จำเลยมีสิทธิเป็นเจ้าของฮวงซุ้ย ซึ่งได้ก่อสร้างบนที่ดินพิพาทนั้นมาแต่เดิมเป็นการก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินเป็นคุณแก่จำเลยโดยทางนิติกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 แต่เมื่อโจทก์จำเลยต่างแถลงยอมรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2534 ว่า ข้อตกลงดังกล่าวมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคแรก การได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพย์สิทธิเกี่ยวกับที่ดินพิพาทไม่บริบูรณ์ คงใช้ได้ในฐานะบุคคลสิทธิระหว่างคู่กรณี คือ นายบรรจบกับจำเลยเท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อมาว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายบรรจบเมื่อ พ.ศ. 2532 โดยธรรมเนียมประเพณีทั่วไป เจ้าของที่ดินย่อมไม่ประสงค์ให้มีฮวงซุ้ยที่ฝังศพของบุคคลที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องมาเกี่ยวข้องฝังหรือตั้งอยู่บนพื้นดินอันอาจมีผลให้ที่ดินเสื่อมสิ้นราคาได้ ในคดีนี้ไม่ว่าโจทก์ผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายบรรจบจะรู้ถึงข้อความระหว่างนายบรรจบกับจำเลยมาก่อนหรือไม่หรือซื้อที่ดินพิพาทมาด้วยราคาต่ำก็ตาม ก็ย่อมมีอำนาจในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 ที่จะขัดขวางมิให้จำเลยหรือบุคคลอื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยเคลื่อนย้ายฮวงซุ้ยที่ฝังศพออกไปจากที่ดินพิพาทศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share