คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5554/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การนำสืบข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง ไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 คู่ความอาจสืบพยานบุคคลได้ การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานบุคคลประกอบระวางรูปแผนที่แบ่งแยก แล้วเชื่อข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของพยานบุคคล จึงเป็นเรื่องใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน หาใช่เป็นการนำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสารหรือหักล้างพยานเอกสารในกรณีที่มีกฎหมายบังคับต้องมีเอกสารมาแสดงไม่
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดว่า จำเลยได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์และโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว โจทก์จึงได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยได้ให้การว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทจริง แต่ไม่ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของ จำเลยไม่ได้ขายที่พิพาทให้แก่บิดาโจทก์ บิดาโจทก์ขอทำนาในที่พิพาทแล้วตกลงให้ข้าวเปลือกเป็นค่าตอบแทนบิดาโจทก์และโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยเท่านั้น สาระสำคัญที่เป็นประเด็นพิพาทก็คือ โจทก์ครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์โดยผลของกฎหมายหรือเป็นเพียงครอบครองที่พิพาทแทนจำเลย ดังนั้นแม้การที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทไว้แต่เพียงว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทแทนจำเลยหรือไม่ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าการครอบครองของโจทก์นั้น ถ้าโจทก์ไม่ได้ครอบครองแทนจำเลยโจทก์ก็ต้องครอบครองที่พิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไว้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ได้สละประเด็นแต่อย่างใด การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้วจึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกประเด็น

Share