คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5551/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง หากโจทก์ติดใจที่จะฎีกาก็ให้เสียค่าขึ้นศาลภายใน 15 วัน ครบกำหนดโจทก์นำค่าขึ้นศาลบางส่วนมาชำระและขอขยายเวลาเพื่อหาเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระ ศาลชั้นต้นอนุญาตโจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระในวันที่ครบกำหนดคือวันที่ 26 มีนาคม 2540 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ในวันที่ 27 มีนาคม 2540 กำหนดให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยภายใน 7 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งรับฎีกาและสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกในวันที่โจทก์นำค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระแต่ได้สั่งในวันรุ่งขึ้นและไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้โจทก์ทราบ ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้มาลงลายมือชื่อทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วกรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งศาล จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฎีกาหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน1,958,545 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันที่โจทก์ไม่ได้เข้าไปดำเนินกิจการสถานบริการไปจนกว่าจะครบ 10 ปี ตามสัญญา
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอดำเนินคดีชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วมีคำสั่งลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2540 ให้ยกคำร้องหากโจทก์ติดใจที่จะฎีกาก็ให้เสียค่าขึ้นศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง ครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 6 มีนาคม 2540โจทก์นำค่าขึ้นศาลบางส่วนจำนวน 25,000 บาท มาชำระและขอขยายเวลาเพื่อหาเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระให้ครบต่อไปอีก 20 วันศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2540 โจทก์ได้นำเงินค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระในวันที่ครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตคือวันที่ 26 มีนาคม 2540 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ในวันที่ 27มีนาคม 2540 กำหนดให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยภายใน 7 วันนับแต่วันมีคำสั่งและศาลชั้นต้นได้ออกหมายเรียกในวันที่ 28 มีนาคม2540 ต่อมาวันที่ 28 เมษายน 2540 เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าโจทก์ไม่มานำส่งหมายเรียกภายในเวลาที่ศาลกำหนด ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนมายังศาลฎีกา ซึ่งตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่ได้สั่งรับฎีกาและสั่งให้โจทก์นำส่งหมายเรียกในวันที่โจทก์นำค่าขึ้นศาลส่วนที่เหลือมาชำระแต่ได้สั่งในวันรุ่งขึ้นและไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้โจทก์ทราบ ทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้มาลงลายมือชื่อทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว จึงถือว่าโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งศาลจะถือว่าโจทก์ทิ้งฎีกาหาได้ไม่”
จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 27มีนาคม 2540 ที่ว่ารับฎีกาโจทก์ ให้โจทก์นำส่งหมายเรียกให้จำเลยแก้ฎีกาให้โจทก์ทราบแล้วดำเนินการต่อไป

Share