คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5544/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ต่อมาในคดีล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย ในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 6 “เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์” หมายความตลอดถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทน ดังนั้น การขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายโดยการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยเหตุใดๆ ก็ชอบที่จะยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องในคดีล้มละลายดังกล่าว ไม่ใช่มายื่นคำร้องในคดีนี้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยทั้งสิบไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้บังคับจำนองเอาแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 16547 ตำบลสนามจันทร์ (สระน้ำจัน) อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีบุริมสิทธิจำนองเป็นเงิน 72,211,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราสูงสุดที่โจทก์ประกาศคิดจากลูกค้า ที่ดินโฉนดเลขที่ 8214, 16036 และ 16043 ตำบลวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีบุริมสิทธิจำนองเป็นเงิน 24,408,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราสูงสุดที่โจทก์ประกาศคิดจากลูกค้ามาชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 มาชำระหนี้โจทก์ครบถ้วน แต่จำเลยทั้งสิบไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 คือที่ดินโฉนดเลขที่ 16547 ตำบลสนามจันทร์ (สระน้ำจัน) อำเภอเมืองนครปฐม (พระปฐมเจดีย์) จังหวัดนครปฐม (นครชัยศรี) พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวในราคา 29,860,000 บาท โดยนางสาวสุภานันท์ แซ่ซือ เป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองในราคาที่ต่ำเกินไป เป็นการสมรู้ร่วมกันระหว่างโจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดี และผู้ซื้อทรัพย์โดยทุจริตและฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดี พ.ศ.2522 เรื่องการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย ข้อ 58 กล่าวคือ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้อนุญาตให้ขายทอดตลาด เนื่องจากในระหว่างการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวครั้งที่ 5 ถึงที่ 6 เจ้าพนักงานบังคับให้งดการขายทอดตลาดเพราะจำเลยที่ 1 ถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 1395/2545 ของศาลล้มละลายกลาง ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีแพ่งที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลย่อมตกเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ด้วยตนเอง จึงให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยที่ 1 ไว้ไต่สวน แล้วสั่งใหม่ว่าจำเลยที่ 1 ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ย่อมไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25 จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี
โจทก์และผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า หลังจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 แล้ว ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม 2545 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดตามคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 1395/2545 และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 ในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปได้จนกระทั่งในการขายทอดตลาดครั้งที่ 11 วันที่ 15 มิถุนายน 2548 เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ในราคา 29,860,000 บาท เห็นควรวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในข้อแรกก่อนว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 146 บัญญัติว่า “ถ้าบุคคลล้มละลาย เจ้าหนี้ หรือบุคคลใดได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ บุคคลนั้นอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ได้ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น ศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ หรือแก้ไข หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควร” และมาตรา 6 “เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์” หมายความตลอดถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทน ดังนั้น การขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 1395/2545 ของศาลล้มละลายกลาง ถือได้ว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายโดยการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยเหตุใดๆ ก็ชอบที่จะยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องในคดีล้มละลายดังกล่าว ไม่ใช่มายื่นคำร้องในคดีนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในข้อนี้ฟังขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ในปัญหาข้ออื่นและฎีกาของโจทก์ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1

Share