แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นคนร้ายปล้นทรัพย์โดยจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนติดตัวเพื่อกระทำผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 โดยไม่ได้ระบุวรรคใด นั้นไม่ถูกต้อง สมควรระบุเสียให้ถูกต้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกอีก 7 คน มีอาวุธปืนติดตัวไปร่วมปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 340 ตรี จำคก 18 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม มาตรา 340จำคุก 12 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 357 จำคุก 2 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้ง 3 คน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปีจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี และจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พยานโจทก์ดังกล่าวมีน้ำหนักเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นคนร้ายรายนี้ โดยจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนเพื่อกระทำผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง คำพยานฐานที่อยู่ของจำเลยทั้งสองไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานโจทก์ ฎีกาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 โดยไม่ได้ระบุวรรคใดนั้นไม่ถูกต้อง สมควรระบุเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง เฉพาะจำเลยที่ 1 ประกอบกับมาตรา 340 ตรี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.