คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5534/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบรับฟังได้ความชัดว่า ว. ได้พบเห็นจำเลยอยู่ในร้านค้าของ ว. โดย ส. ลูกจ้างของ ว. อยู่นอกร้านค้า และจำเลยเดินหนีออกจากร้านค้าโดยในมือถือสิ่งของไปด้วย ต่อมาหลังจาก ว. คาดคั้นและทราบจาก ส. ว่าถูกจำเลยข่มขู่และเอาทรัพย์สินไปแล้ว ว. ไปสถานีตำรวจพร้อมจำเลย จำเลยรับสารภาพและลงลายมือชื่อในบันทึกชั้นจับกุมว่าเอาทรัพย์สินของ ว. ไปจริง แม้ข้อนี้จำเลยจะนำสืบว่า เหตุที่รับสารภาพในชั้นจับกุมเนื่องจากถูก ว. หลอกว่าจะไม่เอาเรื่อง หากเป็นจริงก็ไม่ได้ทำให้คำรับสารภาพในชั้นจับกุมเสียไปเพราะมิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงาน แต่เกิดจากการต่อรองและการตัดสินใจของจำเลยโดยสมัครใจ ย่อมรับฟังยันจำเลยได้ พยานหลักฐานโจทก์รับฟังลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนใจนางสาวสมถวิลให้ยอมให้จำเลยได้รับประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยขู่เข็ญว่าจะแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจให้จับกุมนางสาวสมถวิลที่ติดยาเสพติดเมทแอมเฟตามีน อันเป็นการทำอันตรายต่อเสรีภาพและชื่อเสียงของนางสาวสมถวิล จนนางสาวสมถวิลยอมให้จำเลยเอาทรัพย์สินของนายวิฑูร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนางสาวสมถวิลไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๗ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่นายวิฑูร
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๗ วรรคแรก จำคุก ๒ ปี คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่กรรโชกไปเป็นเงิน ๗๒๖ บาท แก่นายวิฑูร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบรับฟังได้ความชัดว่านายวิฑูรได้พบเห็นจำเลยอยู่ในร้านค้าของนายวิฑูร โดยนางสาวสมถวิลลูกจ้างของนายวิฑูรอยู่นอกร้านค้า และจำเลยเดินหนีออกจากร้านค้าไปโดยในมือถือสิ่งของไปด้วยจริง ต่อมาหลังจากนายวิฑูรคาดคั้นและทราบจากนางสาวสมถวิลว่าถูกจำเลยข่มขู่และเอาทรัพย์สินไปแล้ว นายวิฑูรได้ไปสถานีตำรวจพร้อมจำเลยและจำเลยก็ได้รับสารภาพและลงลายมือชื่อในบันทึกชั้นจับกุมว่าได้เอาทรัพย์สินของนายวิฑูรไปจริง แม้ข้อนี้จำเลยจะนำสืบอ้างว่าเหตุที่รับสารภาพในชั้นจับกุมก็ด้วยเหตุถูกนายวิฑูรหลอกว่าจะไม่เอาเรื่องก็ตาม เหตุดังกล่าวหากเป็นจริงก็ไม่ได้ทำให้คำรับสารภาพในชั้นจับกุมเสียไปเพราะมิได้เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงาน แต่เกิดจากการต่อรองและการชั่งน้ำหนักตัดสินใจของจำเลยเองโดยสมัครใจย่อมรับฟังยันจำเลยได้ พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่รับฟังได้ความดังกล่าวนี้พอเพียงที่จะลงโทษจำเลยได้แล้วโดยปราศจากข้อสงสัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี คำรับของจำเลยชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share