คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3667/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันโดยให้โจทก์ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือและให้หักค่าธรรมเนียม ค่าภาษีในการโอนกับค่าเสียหายด้วย หากจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยปราศจากภาระผูกพันไม่ได้ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำและชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ การบังคับคดีจึงต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาไว้ แต่ปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ที่จำเลยมีต่อธนาคาร ซึ่งธนาคารได้ฟ้องและนำยึดที่ดินพิพาทไว้ในคดีแพ่งอื่น โจทก์ซึ่งต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิตามคำพิพากษาในคดีนี้ จึงมีสิทธิเข้าใช้หนี้ของจำเลยแทนได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 230 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้แทนจำเลยไปครบถ้วนแล้ว หนี้ที่จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจึงระงับสิ้นไป แม้ก่อนหน้านั้นศาลชั้นต้นจะเคยมีคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยติดจำนองก็ตาม แต่คำสั่งดังกล่าวก็มีผลเป็นคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยปลอดจำนองหรือปราศจากภาระผูกพัน อันเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลในลำดับแรกนั้นเอง หาใช่เป็นการบังคับคดีในลำดับหลังอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามลำดับในการบังคับคดีไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๐๐๑ ให้แก่โจทก์ โดยปราศจากภาระผูกพัน และให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท แก่จำเลย ค่าธรรมเนียมและ ค่าภาษีในการโอนให้หักจากเงินจำนวน ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท กับให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ โดยคิดหักจากเงินจำนวน ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท หากจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยปราศจากจากภาระผูกพันไม่ได้ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท และชำระค่าเสียหาย ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ซึ่งคดีถึงที่สุด และศาลชั้นต้นได้ส่งคำบังคับให้จำเลยทราบแล้ว
ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๓๒ ว่า ที่ดินพิพาทติดจำนองไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ร่วมกับที่ดินแปลงอื่นเพื่อเป็นประกันหนี้ในอนาคตของบริษัทเดชาอุตสาหกรรมและพาณิชยกิจ จำกัด แต่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ไม่ยอมจดทะเบียนไถ่ถอนการจำนองที่ดินพิพาทและคืนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นนัดพร้อมและเห็นว่าโจทก์และจำเลยไม่อาจตกลงกันได้ จึงให้ปฏิบัติไปตามคำพิพากษา หลังจากนั้นโจทก์ขอให้ออกหมายบังคับคดีและศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปดำเนินการบังคับคดี จำเลยยื่นคำแถลงว่า หากโจทก์ยินยอมรับเงินมัดจำจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายอีก ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แล้ว จำเลยยินยอมชำระเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้น นัดพร้อม จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้โจทก์ทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยปราศจากภาระผูกพันภายใน ๓๐ วัน หากพ้นกำหนดแล้วขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์ไม่อาจโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยปราศจากภาระผูกพันได้ ให้โจทก์รับเงินมัดจำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมค่าเสียหาย ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากจำเลยภายใน ๓๐ วัน และให้โจทก์ถอนการอายัดที่ดินพิพาท หากโจทก์ไม่ถอนการอายัดไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้ถือเอาคำสั่งศาลชั้นต้นแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ในการถอนการอายัด ในวันนัดพร้อมโจทก์แถลงว่า จำเลยยังสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้ยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่ความตาย นางลลนา สุพรรณธะริดา ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าไม่ประสงค์จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะ ทั้งไม่มีทายาทของผู้มรณะหรือ ผู้จัดการทรัพย์มรดกของผู้มรณะหรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกไว้ยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้มรณะและไม่มีคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีคำขอให้ศาลหมายเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้มรณะภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่จำเลยถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
ต่อมาวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๕ โจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้น ขอให้ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ประจำศาลจังหวัดสมุทรสาครส่งโฉนดที่ดินพิพาทมายังศาลและขอให้มีหนังสือแจ้งสำนักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรสาครให้ดำเนินการโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ขอวางเงินค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในการถอนการยึดแทนจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมในการถอนการยึด มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ แต่ขณะนี้จำเลย ถึงแก่กรรมแล้ว จึงให้โอนไปโดยติดจำนองมอบโฉนดให้โจทก์และแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีเดิม” ต่อมาโจทก์ยื่น คำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ได้วางเงินจำนวน ๕,๗๘๙,๓๐๓.๓๙ บาท ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำศาล จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำศาลจังหวัดสมุทรสาครให้ส่ง โฉนดที่ดินของที่ดินพิพาทมา และมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครให้ดำเนินการโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์หลังจากโอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยติดจำนองแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ส่งโฉนดที่ดินดังกล่าวเข้ามาในคดีนี้ และเมื่อส่งโฉนดมาแล้วให้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครให้โอนที่ดินเป็นชื่อโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลคดีนี้โดยติดจำนอง” ต่อมาเจ้าพนักงานบังคีบคดีได้ส่งต้นฉบับ โฉนดที่ดินสำหรับที่ดินพิพาทมาให้ศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาคร ให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นชื่อโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลโดยติดจำนอง และให้เรียกค่าธรรมเนียม ในการโอนค่าอากรต่าง ๆ ในการนั้นจากโจทก์ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วให้จัดส่งต้นฉบับโฉนดที่ดินพิพาทคืน ศาลชั้นต้นด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยติดจำนองตามคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๓๕ แล้วได้จัดส่งโฉนดที่ดินพิพาทคืนศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้น ได้ส่งต้นฉบับโฉนดที่ดินพิพาทคืนเจ้าพนักงานบังคับคดีประจำศาลจังหวัดสมุทรสาครแล้ว
ต่อมาวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๓๕ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทผู้ปกครองทรัพย์มรดกของจำเลย ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลที่ให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้โจทก์โดยติดจำนอง และเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ของเจ้าพนักงานที่ดินและให้จดทะเบียนโอนกลับมาเป็นของจำเลย หรือให้โจทก์ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้จำเลย โดยให้ผู้ร้องเข้ารับสิทธิและหน้าที่ในการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำพิพากษากำหนดให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพัน เมื่อโจทก์ขอรับโอนที่ดินโดยติดจำนอง จึงเป็นการสละสิทธิในการบังคับคดีอันเป็นผลดีต่อจำเลยและไม่ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ต้องชำระราคาให้จำเลย ๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท นั้น ในเมื่อฝ่ายจำเลยไม่ได้โอนที่ดินให้โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันตามคำพิพากษา จำเลยจะเรียกร้องให้โจทก์ชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือหาได้ไม่ การที่ศาลมีคำสั่ง จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์โดยติดจำนองชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่ผู้ร้องขอเข้ารับสิทธิและหน้าที่ในการบังคับคดีนั้น เมื่อผู้ร้องเป็นทายาทของจำเลยผู้ร้องก็มีสิทธิอยู่แล้ว กรณีเป็นคนละเรื่องกับการเข้ารับมรดก ความแทนคู่ความที่มรณะในระหว่างพิจารณาคดี และมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันตามคำพิพากษาลำดับแรกได้ โจทก์ชอบที่จะดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาลำดับหลัง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยติดจำนองเป็นการดำเนินการบังคับคดีผิดไปจากคำพิพากษาอันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดี ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และพิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๐๐๑ โดยติดจำนองและเพิกถอนการจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์โดยติดจำนองของเจ้าพนักงานที่ดิน และให้โอนกลับมาเป็นชื่อของจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เจ้าพนักงานที่ดินโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทมาเป็นของโจทก์ โดยติดจำนองเป็นคำสั่งที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพัน โดยให้โจทก์ชำระค่าที่ดินส่วนที่เหลือและให้หักค่าธรรมเนียมค่าภาษีในการโอนกับค่าเสียหายด้วย หากจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์โดยปราศจากภาระผูกพันไม่ได้ จำเลยต้องคืนเงินมัดจำและชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยใน อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ การบังคับคดีในคดีนี้จึงต้องเป็นไปตามลำดับที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาไว้ แต่ปรากฏว่า จำเลยได้จดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไว้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เพื่อเป็นประกันหนี้ที่บริษัทเดชาอุตสาหกรรมและพาณิชยกิจ จำกัด และ / หรือจำเลยเป็นหนี้ธนาคารซึ่งธนาคารกรุงเทพ จำกัดได้ฟ้องจำเลยและนำยึดที่ดินพิพาทไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๙๗/๒๕๓๓ เพื่อดำเนินการบังคับคดีในคดีดังกล่าว โจทก์ซึ่งต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิตามคำพิพากษาในคดีนี้จึงมีสิทธิเข้าใช้หนี้ของจำเลยแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๓๐ วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้ที่จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันแทนจำเลยไปครบถ้วนแล้ว หนี้ที่จำเลยจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจึงระงับสิ้นแล้ว แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๕ ของโจทก์ว่า ให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยติดจำนองก็ตาม แต่คำสั่งดังกล่าวก็มีผลเป็นคำสั่งให้โอนที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยปลอดจำนองหรือปราศจากภาระผูกพัน อันเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลในลำดับแรกนั้นเอง หาใช่เป็นการบังคับคดีในลำดับหลังไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษากลับให้ยกคำร้อง .
(อัครวิทย์ สุมาวงศ์ – ก้าน อันนานนท์ – อำนวย หมวดเมือง)

Share