คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5530/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์เคยยื่นคำร้องขอต่อศาลในคดีก่อนให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆนั้นย่อมเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยบุริมสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289เมื่อโจทก์มาฟ้องบังคับจำนองเอาแก่จำเลยเป็นคดีนี้คู่ความในคดีก่อนกับคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกันคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ในคดีก่อนถึงที่สุดแล้วมูลหนี้กับหลักประกันคือสัญญาจำนองที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ก็เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคำร้องขอของโจทก์ในคดีก่อนฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้จำนวน 1,626,432.05 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน876,409.83 บาทและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 7,735 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จหากจำเลยไม่ยอมชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ให้โจทก์ และหากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ไว้แล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2529 ของศาลชั้นต้น ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “นายสุพจน์ ประไพตระกูล ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความรับว่า มูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้โจทก์เคยยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2529 ของศาลชั้นต้นหลักฐานที่โจทก์ใช้ในการยื่นคำขอรับชำระหนี้กับหลักฐานที่ใช้ในการฟ้องคดีนี้เป็นหลักฐานชุดเดียวกัน และศาลอนุญาตให้โจทก์เป็นผู้ได้รับชำระหนี้ในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2529 ให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ นั้น ย่อมเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยบุริมสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการเป็นพิเศษตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289ดังนั้น คู่ความในคดีดังกล่าวกับคดีนี้จึงเป็นคู่ความรายเดียวกันและเมื่อพิจารณาสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1278/2529 ของศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่นนั้นถึงที่สุดแล้ว และมูลหนี้กับหลักประกันคือสัญญาจำนองที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ก็เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคำร้องขอของโจทก์ในคดีดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ

Share