คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองเป็นผู้เยาว์บิดาตายไปแล้ว มารดาโจทก์ไปกู้เงินจำเลยและได้นำโฉนดที่ดินของโจทก์ไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันโดยโจทก์รู้เห็นยินยอม กรณีเช่นนี้ไม่อยู่ใต้บัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 และตามพฤติการณ์ถือได้ว่ามารดาผู้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ได้ให้ความยินยอมในการกระทำดังกล่าวนั้น ถึงแม้ว่าโจทก์มิใช่ผู้กู้เงินจากจำเลย จำเลยก็มีสิทธิที่จะยึดโฉนดของโจทก์ไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของนายเจียมนางจันทร์ศรี ศรีสมุทร เมื่อบิดาโจทก์ตายแล้ว ๕ ปี มารดาโจทก์ได้สมรสกับนาขำ แผ่นทอง นางสีดา ศรีสมุทรย่าโจทก์ได้ยกที่ดินพร้อมด้วยห้องแถวไม้ ๒ ห้องให้แก่โจทก์ โดยจดทะเบียนการยกให้ตามกฎหมาย โจทก์และมารดาได้เข้าอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านเรือนที่ย่าโจทก์ยกให้นี้ตลอดมา เพิ่งอพยพไปอยู่จังหวัดแพร่เมื่อ ๕ เดือนมานี้ นางจันทร์ศรีมารดาเป็นผู้ยึดถือโฉนดที่ดินแปลงนี้ไว้แทนโจทก์ ขณะนี้โจทก์ทราบว่ามารดาโจทก์นำโฉนดที่ดินแปลงนี้ไปวางประกันการกู้เงินไว้กับจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยึดเอาไว้เป็นประกันเงินกู้ได้ เพราะไม่ใช่ทรัพย์สินของนางจันทร์ศรี โจทก์ขอคืนจำเลยไม่ยอมให้ จึงขอให้บังคับจำเลยคืนโฉนดให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า มารดาโจทก์พร้อมด้วยโจทก์ได้ไปกู้เงินจากจำเลยจำนวน ๑๘,๖๐๐ บาท โดยมารดาโจทก์เป็นคนกู้ ได้นำโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๗๒๘ ซึ่งมารดาโจทก์และโจทก์เป็นเจ้าของร่วมมาว่างประกันเงินกู้ จำเลยได้ยึดถือไว้โดยโจทก์ทั้งสองยินยอมทั้งได้มอบอำนาจให้จำเลยทำการจำนอง ขาย ขายฝากได้ ต่อมาโจทก์ต้องการเงินอีก ๖,๐๐๐ บาท จำเลยได้ไปกู้ยืมผู้มีชื่อให้และเอาโฉนดฉบับนั้นไปค้ำประกันเงินกู้ โดยมารดาโจทก์และโจทก์ลงชื่อเป็นผู้กู้ เมื่อครบกำหนดตามสัญญากู้ โจทก์ไม่มีเงินต้นและดอกเบี้ยมาใช้แก่จำเลย มารดาโจทก์กับโจทก์จึงตกลงขายที่ดินให้จำเลยเป็นการชำระหนี้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์รู้เห็นยินยอมให้นางจันทร์ศรีนำโฉนดที่ดินไปกู้เงินจำเลย โจทก์ฟ้องเรียกโฉนดคืนโดยมารดาโจทก์ยังไม่ได้ชำระเงินกู้ให้จำเลย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้งสองได้รู้เห็นยินยอมให้นางจันทร์ศรีมารดาโจทก์นำโฉนดที่ดินของโจทก์ไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยโจทก์ทั้งสองรู้เห็นยินยอมตั้งแต่เริ่มต้นมีการกู้เงินจำเลย และเป็นระยะ ๆ ตลอดมามิใช่เป็นเรื่องที่เพิ่งทราบตามฟ้อง วินิจฉัยว่าพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่านางจันทร์ศรีมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ให้ความ ยินยอมในการกระทำดังกล่าวแล้ว กรณีไม่อยู่ใต้บทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๖ ถึงแม้ว่าโจทก์ทั้งสองมิใช่เป็นผู้กู้เงินจากจำเลย จำเลยก็มีสิทธิที่จะยึดโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๗๒๘ ของโจทก์ทั้งสองไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญากู้
พิพากษายืน

Share