แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่ศาลมีคำสั่งพิทักทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ไม่มีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างต้องสิ้นสุดหรือระงับไปด้วย ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป ดังนั้น แม้ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ของลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่ กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างเจ้าหนี้ในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 สิทธิในการรับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงยังไม่เกิดขึ้นในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด หนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้จึงมิได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด จึงต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2544
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จำนวน 56,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า ควรให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ค่าชดเชยและค่าสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 56,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 130 (6)
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า เจ้าหนี้ถูกเลิกจ้างหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด หนี้ดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงให้ยกคำขอรับชำระหนี้ ค่าคำขอให้เป็นพับ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เจ้าหนี้เป็นลูกจ้างของลูกหนี้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2539 ถึงวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดโดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 8,000 บาท ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีว่า การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดถือว่าเป็นการเลิกจ้างระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้อันมีผลให้เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่ โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ว่า เมื่อศาลสั่งพิทักทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว ลูกหนี้มิได้ให้เจ้าหนี้ทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้าง ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง เพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 วรรคสอง สิทธิเจ้าหน้าที่จะได้รับเงินค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด และกรณีลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นการเลิกจ้างในทันที ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดจ่ายสินจ้างหนึ่งคราวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงเป็นเงินที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับอยู่แล้วตามกฎหมาย มิใช่เป็นหนี้ที่เกิดภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เห็นว่า การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด มีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และ มาตรา 24 หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างต้องสิ้นสุดหรือระงับไปด้วยไม่ ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไปประกอบกับในระหว่างที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ได้รับอนุญาตให้ลางานเพื่อรับราชการทหารเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2545 โดยไม่ปรากฏว่ามีการเลิกจ้างเจ้าหนี้ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแต่อย่างใด ดังนั้น แม้ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างเจ้าหนี้ในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 สิทธิในการรับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงยังไม่เกิดขึ้นในวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ดั่งที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์ หนี้ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้จึงมิได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดจึงต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ