คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5522/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายที่ดินให้โจทก์โดยตกลงกันเอง โจทก์มอบเงินให้จำเลยและจำเลยมอบที่ดินให้โจทก์ครอบครอง จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ขายที่ดินให้โจทก์และโจทก์มิได้ครอบครองเพื่อตนเองคำให้การของจำเลยจึงมีเพียงปฏิเสธฟ้องโจทก์เท่านั้น โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้อง ส่วนจำเลยไม่มีประเด็นที่จะสืบถึงรายละเอียดว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์และมอบที่ดินให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยแม้ศาลจะให้จำเลยนำสืบในรายละเอียดนี้ ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในประเด็นดังกล่าวไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าตัดฟันต้นไม้ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ซึ่งจำเลยขายให้แก่โจทก์โดยการส่งมอบการครอบครองเมื่อปี 2522 โจทก์บอกให้จำเลยหยุดกระทำการดังกล่าว แต่จำเลยกลับอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย และนำรถไถเข้าบุกรุกไถที่ดินของโจทก์ โดยเจตนาแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทะเบียนเลขที่ 457เลขที่ดิน 98 ตำบลไหล่ทุ่ง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานีห้ามจำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องอีก และขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยขายที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินตามฟ้องเพื่อตนเองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จำเลยไม่ได้บุกรุกรบกวนสิทธิแย่งการครอบครองที่ดินตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ทะเบียนเลขที่ 457 เลขที่ดิน 98ตำบลไหล่ทุ่ง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นของโจทก์ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินแปลงดังกล่าว กับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินอีก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ที่ว่าการวินิจฉัยพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า คำให้การของจำเลยปฏิเสธลอย ๆ ไม่ได้อ้างเหตุผลแห่งการปฏิเสธว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์แล้วมอบที่ดินให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยประเด็นดังกล่าวโดยรับฟังพยานหลักฐานจำเลยเป็นการไม่ชอบ เพราะจำเลยมิได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ในคำให้การนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายที่ดินให้โจทก์โดยตกลงกันเอง โจทก์มอบเงินให้จำเลยและจำเลยมอบที่ดินให้โจทก์ครอบครอง จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ขายที่ดินให้โจทก์และโจทก์มิได้ครอบครองเพื่อตนเอง คำให้การดังกล่าวของจำเลยจึงมีเพียงปฏิเสธฟ้องโจทก์เท่านั้น โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้อง ส่วนจำเลยไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การถึงเหตุแห่งการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นที่จะสืบถึงรายละเอียดว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์และมอบที่ดินให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย แม้ศาลจะให้จำเลยนำสืบในรายละเอียดเหล่านี้ ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในประเด็นดังกล่าวไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1รับฟังมาจึงไม่ชอบ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
เมื่อพยานจำเลยรับฟังเป็นพยานหลักฐานในประเด็นไม่ได้ แต่จำเลยก็ได้ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่าไม่ได้ขายที่ดินให้โจทก์ และโจทก์ไม่ได้ครอบครองเพื่อตนเองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและพฤติการณ์แห่งคดีว่า จะรับฟังข้อเท็จจริงได้ตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ประเด็นนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 1ยังไม่ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานเฉพาะที่นำสืบมาโดยถูกต้องและคดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง การวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 1 อาจมีผลทำให้คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงจึงให้ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาพิพากษาในประเด็นดังกล่าวจากพยานหลักฐานที่นำสืบมาโดยชอบต่อไป”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share