คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ของนายน้อย ทางพิจารณาปรากฏว่าเป็นทรัพย์ของนางสัมพันธ์ ถึงแม้นางสัมพันธ์จะอยู่บ้านนายน้อย และนายน้อยเป็นพ่อผัวของนางสัมพันธ์ก็ดี ก็ไม่ถือว่า นายน้อยเป็นผู้ปกครองทรัพย์ที่หายด้วยทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัย ศาลต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ของนายน้อย ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ทางพิจารณาได้ความว่า ทรัพย์ที่ถูกลักเป็นของนางสัมพันธ์นางสัมพันธ์อยู่เรือนหลังเดียวกับนายน้อยโดยเป็นบุตร์สะไภ้นายน้อย คนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในห้องเรือนซึ่งนางสัมพันธ์นอนอยู่
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ของนายน้อย แต่ทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยลักทรัพย์ของนางสัมพันธ์ทางพิจารณาต่างกับฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ใครเป็นเจ้าทรัพย์หรือผู้เสียหายในคดีเป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญอันหนึ่งซึ่งจำต้องระบุในฟ้องตาม วิ.อาญา ม.๑๕๘ (๕) เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เมื่อโจทก์ระบุว่าจำเลยลักทรัพย์ของคนหนึ่ง แต่ทางพิจารณาปรากฎว่าเป็นทรัพย์ของอีกคนหนึ่ง ก็ต้องยกฟ้อง คดีนี้เจ้าของทรัพย์มีตัวอยู่และครอบครองด้วยตนเอง โจทก์จะอ้างว่านายน้อยซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นพ่อผัวของนางสัมพันธ์ย่อมเป็นผู้ปกครองทรัพย์ที่หายด้วยนั้นฟังไม่ขึ้น ต่างกับฎีกาที่ ๑๑๗๖-๑๑๗๗/๒๔๘๐ ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่โจทก์ระบุในฟ้องเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้นอย่างถือตนว่าเป็นเจ้าของ จึงพิพากษายืน

Share