แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ว.ผู้จัดการสถานบริการของจำเลยที่ 1 จัดให้มีการแสดงแฟชั่นโชว์ในสถานบริการของจำเลย นางแบบแต่งกายชุดอาบน้ำตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้บาง บนฟลอร์มีสปอรทไลท์ฉายไปมา สามารถมองผ่านช่องว่างของผ้าลูกไม้บางนั้นเห็นนมเนื้อตัวร่างกายของนางแบบ ลักษณะการแต่งกายเช่นนี้ไม่แตกต่างไปจากการเปลือยกายและเพียงเท่านี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดให้มีการแสดงเพื่อความบันเทิงในสถานบริการซึ่งเป็นไปในทางลามกหรืออนาจารแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว จึงมีหน้าที่ต้องควบคุมการแสดงมิให้เป็นไปในทางลามกหรืออนาจาร แม้จำเลยจ้าง ว.ให้เป็นผู้จัดการดูแลแทนและ ว.จัดให้มีการแสดงอันเป็นความผิดดังกล่าวในขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่อยู่ ก็หาได้ทำให้จำเลยทั้งสองหลุดพ้นจากหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.๒๕๐๙ มาตรา ๑๙,๒๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าได้มีการจัดให้มีการแสดงเพื่อความบันเทิงในสถานบริการของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นไปในทางลามกหรืออนาจารหรือไม่โจทก์มีร้อยตำรวจเอกประวิทย์ เลขะวณิช มาเบิกความว่า ได้เข้าไปตรวจสถานบริการของจำเลยที่ ๑ โดยเข้าไปนั่งดูก่อน แล้วเห็นนางสาวจูลี่เดินเปลือยกายอยู่บนฟลอร์ ถึงแม้พยานจะตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ดูห่างจากฟลอร์ประมาณ ๑๕ เมตร นางสาวจูลี่แต่งชุดอาบน้ำสีเข้ม บนฟลอร์มีไฟหรี่กะพริบและมีไฟสปอทไลท์ฉายไปมาแต่เมื่อตอบโจทก์ถามติงก็ว่า นางสาวจูลี่สวมชุดบาง สามารถมองเห็นนม เนื้อตัวร่างกายได้ กางเกงแบบกางเกงในเรียวเล็ก นายวิเชษฐ์และนางสาวอุทัยพยานจำเลยเองก็เบิกความเจือสมว่า ชุดที่นางสาวจูลี่ทำด้วยผ้าลูกไม้สีน้ำเงิน แต่นางวิเชษฐ์และนางสาวอุทัยอ้างว่าเป็นชุดอาบน้ำทูพีช (สองชิ้นป ทำด้วยผ้าลูกไม้ทึบไม่สามารถมองเห็นอวัยวะภายในได้ เห็นว่า โดยปกติทั่วไปไม่มีผู้ใดนำผ้าประเภทผ้าลูกไม้มาตัดเย็บเป็นชุดอาบน้ำ การนำผ้าลูกไม้มาตัดเย็บดังกล่าวก็เพื่อล่อตาล่อใจผู้ชม ซึ่งผู้จัดก็คงจะไม่ใช่ผ้าลูกไม้ทึบดังพยานจำเลยอ้าง ผ้าลูกไม้ที่นางสาวจูลี่สวมใส่จึงน่าจะเป็นผ้าลูกไม้บางมากกว่า ข้อนำสืบของจำเลยไม่สมเหตุสมผล เมื่อบนฟลอร์มีสปอทไลท์ซึ่งเป็นไฟฟ้าที่มีแสงสว่างเป็นพิเศษฉายไปมา จึงสามารถมองผ่านช่องว่างของผ้าลูกไม้บางนั้นเห็นนมเนื้อตัวร่างกายของนางสาวจูลี่ได้ดังที่ร้อยตำรวจเอกประวิทย์เบิก ความตอนท้าย ซึ่งลักษณะการแต่งกายเช่นนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากการเปลือยกายดังที่ร้อยตำรวจเอกประวิทย์เบิกความตอบโจทก์นั่นเอง และเพียงเท่านี้ก็พอจะให้ถือว่าเป็นการแสดงไปในทางลามกหรืออนาจารแล้ว นอกจากนี้ยังได้ความจากพยานจำเลยว่า นางสาวจูลี่กับพวกเป็นนางแบบของห้างหุ้นส่วนจำกัดไดนาไนต์เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งประกอบธุรกิจในการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ มีนางสาวอุทัยเป็นหัวหน้าควบคุม และในการเดินแฟชั่นโชว์ที่เกิดเหตุนี้นางสาวอุทัยก็ไปคอยควบคุมอยู่ด้วยถ้าการแสดงไม่ถึงชั้นเปิดเผยให้เห็นนมและเนื้อตัวในส่วนที่ควรปกปิดแล้ว ก็เชื่อได้ว่านางสาวอุทัยต้องไม่ยอมให้นางสาวจูลี่กับพวกรับสารภาพ เพราะจะเป็นการเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงในการประกอบธุรกิจของห้างฯ หากมีวัตถุประสงค์เพียงการเดินแฟชั่นโชว์เครื่องแต่งกายตามปกติแต่เพียงอย่างเดียว ยิ่งกว่านั้นจำเลยที่ ๒ ยังเบิกความว่าหากจำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ จะกำชับสั่งเสียนายวิเชษฐ์ผู้จัดการดูแลแทนไว้ว่าอย่าปฏิบัติผิดกฎหมายสถานบริการเป็นอันขาดทุกครั้ง ทั้งนี้ก็ต้องเนื่องจากเหตุที่อาจจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการซึ่งนายวิเชษฐ์ก็ต้องทราบเหตุนี้ด้วย ฉะนั้น ที่นายวิเชษฐ์เบิกความว่า เหตุที่ยอมรับผิดเพราะเจ้าพนักงานตำรวจบอกว่า ถ้ายอมให้ปรับแล้วจะไม่มีผลเกี่ยวพันถึงสถานบริการอีก ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง การที่นางสาวจูลี่กับพวกและนายวิเชษฐ์รับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนและยินยอมให้พนักงาน สอบสวนเปรียบเทียบดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๓ ถึง จ.๖ แม้จะใช้ยันลงโทษจำเลยในชั้นพิจารณาไม่ได้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แต่ก็เป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกประวิทย์พยานโจทก์ให้เห็นเด่นชัดยิ่ง ขึ้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคืนเกิดเหตุ ได้มีการจัดให้มีการแสดงเพื่อความบันเทิงในสถานบริการของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นไปในทางลามกหรืออนาจาร จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว จึงมีหน้าที่ต้องควบคุมการแสดงมิให้เป็นไปในทางลามกหรืออนาจาร ตามที่พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.๒๕๐๙ มาตรา ๑๙ ได้บัญญัติไว้ แม้จำเลยจะได้จ้างนายวิเชษฐ์ให้เป็นผู้จัดการการดูแลแทน และนายวิเชษฐ์จะได้จัดให้มีการแสดงอันเป็นความผิดดังกล่าวในขณะที่จำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ก็หาได้ทำให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ และจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในฐานะผู้แทนนิติบุคคล หลุดพ้นจากหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นไม่
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น