คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5515/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท และโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 วรรคสอง และแม้ว่าจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อใน หนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินพิพาท โดย ค. ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาแทนจำเลยไป ไม่ว่าจะมีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือ มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตามก็ไม่กระทบกระเทือนถึง อำนาจฟ้องของโจทก์ ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารมา ตรวจสอบประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เมื่อคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2529 จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 3570เลขที่ดิน 165 เล่ม 36 ข. หมู่ที่ 14 ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพองจังหวัดขอนแก่น ในราคา 100,000 บาท ให้แก่โจทก์ โดยโจทก์ชำระราคาในวันทำสัญญา 60,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระในวันจดทะเบียนโอนจำเลยได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาขอนแก่นจำนวน 10,000 บาท แล้วบอกกล่าวให้จำเลยรับเงินค่าที่ดินอีก30,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรับเงิน 30,000 บาท จากโจทก์และจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ มิฉะนั้นให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยเข้ารบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของโจทก์ต่อไป
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยรับเงินค่าที่ดินจำนวน 30,000 บาท จากโจทก์ ให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินน.ส.3 ก. เลขที่ 3570 เล่ม 36 ข. เลขที่ดิน 165 ตำบลบัวใหญ่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น แก่โจทก์ ถ้าจำเลยไม่ไปให้ถือเอาตามคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย และห้ามจำเลยเข้ารบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของโจทก์ต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาการซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 และแม้นายคำบุญ คำใบสี จะลงลายมือชื่อแทนจำเลยไปก็ไม่มีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบด้วยมาตรา 247 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 1ฟังข้อเท็จจริงมาว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 กันจริงและโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนเป็นเงิน60,000 บาทแล้ว เห็นว่า เมื่อการซื้อขายที่ดินพิพาทโจทก์ได้ชำระราคา 60,000 บาท ให้แก่จำเลยอันเป็นการได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง ถึงแม้จำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาการซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 และแม้นายคำบุญจะลงลายมือชื่อแทนจำเลยไปโดยไม่มีการมอบอำนาจเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจฟ้องของโจทก์
อนึ่ง ที่จำเลยขอให้เรียกบัญชีเงินฝากของโจทก์จากธนาคารออมสิน สาขาน้ำพอง มาตรวจสอบ ประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเรียกเอกสารดังกล่าว
พิพากษายืน

Share