แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไปชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นและความผิดฐานพาเด็กหญิงไปจากประเทศสยามเพื่อการรับจ้างให้เข้าทำเมถุนกรรมนั้น เป็นการกระทำไปโดยมีเจตนา อย่างเดียวคือพาผู้เสียหายไปขายบริการทางเพศที่ประเทศ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการพาออกไปจากประเทศสยาม ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบทและกรณี เป็นเหตุในลักษณะคดีจึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213,225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 13 เมษายน 2538 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2538 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป ชักพาเด็กหญิง ก. ผู้เสียหาย อายุ 14 ปีไปเพื่อการอนาจาร ขายบริการทางเพศที่ประเทศออสเตรเลีย และตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้นจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันพาผู้เสียหายออกไปจากประเทศสยามเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมที่ร้านขายบริการทางเพศ รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 91, 83 พระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิงพุทธศักราช 2471 มาตรา 4
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคสาม, 83 พระราชบัญญัติว่าด้วยการค้าหญิงและเด็กหญิง พุทธศักราช 2471 มาตรา 4การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดสองกรรมต่างกันลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานเป็นธุระจัดหาเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิง จำคุกคนละ 14 ปีฐานพาเด็กหญิงไปนอกราชอาณาจักรเพื่อรับจ้างทำเมถุนกรรมจำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 19 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1กระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอให้พิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ด้วย โดยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด เป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษบทหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นั้น เห็นว่า ที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาล่อไป ชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิงเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นและความผิดฐานพาเด็กหญิงไปจากประเทศสยามเพื่อการรับจ้างให้เขาทำเมถุนกรรมตามฟ้องนั้น เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยมีเจตนาอย่างเดียวคือพาผู้เสียหายไปขายบริการทางเพศที่ประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นการพาออกไปจากประเทศสยาม ถือได้ว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นและกรณีเป็นเหตุลักษณะคดีจึงให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213, 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282วรรค 3 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 คงจำคุกคนละ 14 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์