คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5508/2560

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าตลาดไทมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ มีการแบ่งตลาดย่อยๆตามประเภทสินค้าหลายตลาดและมีลานซื้อขายสินค้า อาคารพาณิชย์และที่จอดรถหลายจุด ทั้งลักษณะกิจการของตลาดไทเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ทำให้มีรถยนต์เข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ปรากฏว่าการเข้าออกตลาดไทซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่นั้น รถยนต์ของผู้ที่มาใช้บริการสามารถเข้าออกตลาดย่อยต่างๆและลานจอดรถได้ตามความสะดวก ไม่ต้องขออนุญาตหรือแลกบัตรในการผ่านเข้าออก เว้นแต่รถยนต์ที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายต้องเสียค่าธรรมเนียมที่ป้อมยาม ส่วนรถยนต์อื่นๆไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าจอดรถและไม่ได้มีบริการรับฝากรถ ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเลือกที่จอดรถในบริเวณที่จำเลยที่ 1 จัดไว้เป็นพื้นที่จอดรถได้ตามอิสระ ไม่ได้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยดูแลเป็นการเฉพาะในการนำรถยนต์เข้าหรือออกจากลานจอดรถ ผู้ที่มาใช้บริการจะขับรถยนต์ออกไปก็สามารถกระทำได้ทันที ไม่มีการตรวจสอบของพนักงานรักษาความปลอดภัย ทั้งรถยนต์ที่เข้าออกส่วนใหญ่บรรทุกหรือขนส่งสินค้าเกษตรนำมาเสนอขายเพื่อให้ผู้ซื้อรับซื้อสินค้าไปในลักษณะการขายส่งเป็นหลัก การขับรถยนต์เข้ามาในตลาดไทเพื่อนำสินค้ามาขายหรือเพื่อมาซื้อสินค้ามุ่งในการซื้อขายกระจายสินค้าโดยมีรถยนต์เป็นพาหนะขนส่งซึ่งแตกต่างจากการที่บุคคลไปใช้บริการห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า โดยนำรถยนต์ไปจอดในลานจอดรถแล้วเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการในฐานะลูกค้าของของกิจการนั้น ส่วนสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกำหนดให้จำเลยที่ 2 ดูแลรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และบริวาร ผู้ค้าขาย ผู้ซื้อ ผู้มาติดต่อ หรือใช้บริการภายในตลาดไท เป็นเพียงการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานทั่วไปของจำเลยที่ 2 โดยในสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยระบุเพียงว่า ตระเวนและตรวจตราดูแล จัดระบบและควบคุมดูแลจัดระเบียบการจราจรภายในบริเวณโครงการตลาดไท โดยไม่มีหน้าที่โดยเฉพาะว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องทำการดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของลูกค้าทั่วไปที่มาใช้บริการ หรือต้องปฏิบัติหน้าที่ประจำลานจอดรถ พนักงานรักษาความปลอดภัยเพียงแต่มีหน้าที่ตรวจตราดูแลเพื่อจัดระเบียบการจราจรเท่านั้น จำเลยทั้งสองจึงไม่มีหน้าที่ตามสัญญาหรือตามความสัมพันธ์ที่เคยปฏิบัติในการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่รถยนต์ของผู้ใช้บริการที่นำมาจอดในลานจอดรถของตลาดไท จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดในการที่รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้สูญหายในลานจอดรถ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 371,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 350,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บต 9332 ชุมพร จากนายสัญญา ระยะเวลาประกันภัย 1 ปี เริ่มแต่วันที่ 29 กันยายน 2550 ถึงวันที่ 29 กันยายน 2551 มีเงื่อนไขความคุ้มครองกรณีรถยนต์เสียหาย สูญหายในจำนวนเงินเอาประกันภัย 350,000 บาท จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดประกอบกิจการสถานที่ค้าปลีกค้าส่งสินค้าเกษตรใช้ชื่อทางการค้าว่าตลาดไท มีลานจอดรถให้ผู้ที่มาซื้อขายสินค้านำรถยนต์ไปจอด จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการรักษาความปลอดภัยโดยรับจ้างดูแลรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณโครงการตลาดไทของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 20 นาฬิกา นายสัญญา ผู้เอาประกันภัยขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไปจอดที่ลานจอดรถตลาดผลไม้ตามฤดูกาลในบริเวณตลาดไท แล้วนายสัญญาเดินเข้าไปภายในตลาด เมื่อกลับออกมาช่วงเวลา 21 นาฬิกา ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวสูญหายจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง โจทก์ได้รับแจ้งเหตุและไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งพนักงานโจทก์ถ่ายภาพการนำชี้จุดเกิดเหตุและบริเวณทางเข้าออกตลาดไว้ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2551 โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขความคุ้มครองแก่ผู้รับประโยชน์เป็นเงิน 350,000 บาท
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มีลานจอดรถไว้บริการผู้ที่เข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ และจัดให้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลประจำลานจอดรถ ทั้งรถยนต์ที่เข้าออกจะต้องผ่านป้อมยาม พฤติการณ์จึงเป็นการแสดงต่อบุคคลทั่วไปให้เข้าใจและเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของผู้ที่มาใช้บริการ นายสัญญา นำรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยเข้ามาจอดในบริเวณลานจอดรถซึ่งจำเลยที่ 1 จัดไว้ และจำเลยที่ 1 ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ดูแลรักษาความปลอดภัย โดยตามสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกำหนดให้จำเลยที่ 2 มีหน้าที่ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินของผู้ค้าขาย ผู้ซื้อ ผู้มาติดต่อ หรือใช้บริการในโครงการตลาดไทด้วย จำเลยที่ 2 จึงต้องใช้ความระมัดระวังตามหลักวิชาชีพในการให้บริการรักษาความปลอดภัย จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ที่เข้ามาจอด แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่ใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่ จึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ นั้น เห็นว่า โจทก์มีนายพุทธินัย พนักงานโจทก์ผู้รับเรื่องและสอบข้อเท็จจริงในกรณีรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยสูญหาย เบิกความเป็นพยานว่า บริเวณลานจอดรถที่นายสัญญานำรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไปจอด มีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 ดูแลรักษาความปลอดภัย และป้อมยามทางเข้าตลาดมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ อีกทั้งมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 ขี่รถจักรยานตรวจตราความเรียบร้อยภายในบริเวณตลาดไท จำเลยที่ 1 จัดลานจอดรถที่เกิดเหตุไว้สำหรับผู้มาใช้บริการภายในบริเวณตลาดไท และจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจ้างดูแลรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณตลาดไท เมื่อโจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถยนต์สูญหายแล้ว โจทก์จึงรับช่วงสิทธิมาเรียกเงินคืนจากจำเลยทั้งสอง เนื่องจากรถยนต์สูญหายขณะจอดในพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยทั้งสอง ตามคำเบิกความดังกล่าว พยานโจทก์อ้างแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 จัดให้มีลานจอดรถ และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจ้างดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องดูแลรถยนต์ที่เข้ามาจอดในตลาดไท แต่ก็ได้ความว่า ตลาดไทมีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ ตามที่ระบุในสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย ข้อ 1 มีการแบ่งเป็นตลาดย่อยๆ ตามประเภทสินค้าหลายตลาด และมีลานซื้อขายสินค้า อาคารพาณิชย์และที่จอดรถหลายจุด อีกทั้งตามลักษณะกิจการของตลาดไทซึ่งเป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ทำให้มีรถยนต์เข้าออก เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 มีพฤติการณ์ที่แสดงออกถึงการยอมรับดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของผู้ที่มาใช้บริการในตลาดไทนั้น โจทก์หาได้นำสืบข้อเท็จจริงสนับสนุนให้รับฟังได้ตามที่อ้างไม่ โดยความปรากฏว่าการเข้าออกตลาดไทซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่นั้น รถยนต์ของผู้ที่มาใช้บริการสามารถเข้าออกตลาดย่อยต่างๆ และลานจอดรถได้ตามความสะดวก ไม่ต้องขออนุญาตหรือแลกบัตรในการผ่านเข้าออก เว้นแต่รถยนต์ที่นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายต้องเสียค่าธรรมเนียมที่ป้อมยาม ส่วนรถยนต์อื่น ๆ ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าจอดรถ และไม่ได้มีบริการรับฝากรถ ผู้ที่มาใช้บริการสามารถเลือกที่จอดรถในบริเวณที่จำเลยที่ 1 จัดไว้เป็นพื้นที่จอดรถได้ตามอิสระ ไม่ได้มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยดูแลเป็นการเฉพาะในการนำรถยนต์เข้าหรือออกจากลานจอดรถ เมื่อผู้ที่มาใช้บริการจะขับรถยนต์ออกไปก็สามารถกระทำได้ทันที ไม่มีการตรวจสอบของพนักงานรักษาความปลอดภัย ทั้งโดยสภาพกิจการของตลาดไทซึ่งเป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ รถยนต์ที่เข้าออกส่วนใหญ่บรรทุกหรือขนส่งสินค้าเกษตร นำมาเสนอขายเพื่อให้ผู้ซื้อรับซื้อสินค้าไปในลักษณะการขายส่งเป็นหลัก ซึ่งนายสัญญา ผู้เอาประกันภัยก็ให้ถ้อยคำไว้ว่า ขับรถยนต์มาลงมะพร้าวที่จังหวัดราชบุรีแล้วมาตลาดไทเพื่อซื้อแอปเปิ้ลไปส่งจังหวัดระนอง การขับรถยนต์เข้ามาในตลาดไทเพื่อนำสินค้ามาขายหรือเพื่อมาซื้อสินค้า มุ่งในการซื้อขายกระจายสินค้าโดยมีรถยนต์เป็นพาหนะขนส่ง ซึ่งแตกต่างจากการที่บุคคลไปใช้บริการห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าโดยนำรถยนต์ไปจอดในลานจอดรถแล้วเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการในฐานะลูกค้าของกิจการนั้น ส่วนที่สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยกำหนดให้จำเลยที่ 2 ดูแลรักษาทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 และบริวาร ผู้ค้าขาย ผู้ซื้อ ผู้มาติดต่อ หรือใช้บริการภายในตลาดไท เป็นเพียงการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานทั่วไปของจำเลยที่ 2 ซึ่งต้องพิจารณาประกอบกับหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 3 ของสัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัยด้วย สำหรับการตรวจตราดูแลตามหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัย ข้อ 2 ที่กำหนดว่า ตระเวนและตรวจตราดูแล จัดระบบและควบคุมดูแลจัดระเบียบการจราจรภายในบริเวณโครงการตลาดไท ตามหน้าที่ในส่วนนี้ไม่มีการกำหนดไว้โดยเฉพาะว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องทำการดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของลูกค้าทั่วไปที่มาใช้บริการ หรือต้องปฏิบัติหน้าที่ประจำลานจอดรถ พนักงานรักษาความปลอดภัยเพียงแต่มีหน้าที่ตรวจตราดูแลเพื่อจัดระเบียบการจราจรเท่านั้น ในการบริหารจัดการพื้นที่ลานจอดรถของจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้กำหนดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องทำการตรวจสอบหรือแจกบัตรจอดรถให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการโดยทั่วไป จำเลยที่ 1 คงให้พนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจสอบและดูแลการเข้าออกเฉพาะพื้นที่ส่วนที่เป็นเขตอาคารสำนักงานของจำเลยที่ 1 และลานจอดรถที่มีรั้วรอบ การที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 ต้องทำการตรวจตราดูแล จึงหาได้มีหน้าที่โดยเฉพาะในการรักษาความปลอดภัยแก่รถยนต์ที่ผู้ใช้บริการนำมาจอดในลานจอดรถซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปิดทั่วไปของตลาดไม่ ทั้งในการที่คนร้ายมาลักเอารถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไป พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ประสบเหตุ หรือมีข้อเท็จจริงที่ส่อแสดงว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยน่าจะช่วยเหลือป้องกันมิให้เกิดการลักรถยนต์ได้ ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ก็มิได้ยอมรับดูแลรักษาความปลอดภัยแก่รถยนต์ของผู้มาใช้บริการที่นำมาจอดไว้ในลานจอดรถ หากแต่เพียงจัดให้มีการตรวจตราดูแลโดยทั่วไปเพื่อจัดระเบียบการจราจรเท่านั้น เช่นนี้ จำเลยทั้งสองจึงไม่มีหน้าที่ตามสัญญาหรือตามความสัมพันธ์ที่เคยปฏิบัติในการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่รถยนต์ของผู้ใช้บริการที่นำมาจอดในลานจอดรถของตลาดไท รวมทั้งรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยที่นายสัญญาผู้เอาประกันภัยนำมาจอดในลานจอดรถที่เกิดเหตุ การที่รถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยสูญหายไปขณะจอดรถอยู่ในลานจอดรถที่เกิดเหตุจะถือว่าเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 2 อันเป็นการละเมิดต่อผู้เอาประกันภัยหาได้ไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดในความสูญหายดังกล่าว โจทก์ไม่อาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยมาเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share