คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์ในคดีอาญาเคลือบคลุมหรือไม่ แม้จะมิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยมีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบ มีดพกปลายแหลมและเหล็กขูดชาฟท์รุมแทงฟัน ประทุษร้ายแก่ร่างกายผู้เสียหายหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างก็พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนการที่จำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างเป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีก 2คนได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบยาวประมาณ 2 ฟุต จำนวน 1 เล่มมีดพกปลายแหลมยาวประมาณ 1 คืน จำนวน 1 เล่ม เหล็กขูดชาฟท์ยาวประมาณ 1 คืบ จำนวน 1 เล่ม เป็นอาวุธรุมแทง ฟัน ประทุษร้ายแก่ร่างกายนายปรีชา รื่นพิทักษ์ ผู้เสียหายหลายครั้ง ถูกที่บริเวณหน้าอกขวา ลึก 8 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร อันเป็นอวัยวะสำคัญและถูกที่บริเวณเหนือและใต้ใบหูบริเวณสะโพกด้านซ้าย ลึก 5เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร ทั้งนี้โดยมีเจตนาฆ่า จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ทันท่วงทีผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 288, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295, 83 ให้จำคุก 2 ปีโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 83 ให้จำคุก 10 ปี จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยข้อแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ปัญหานี้แม้จะมิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยมีสิทธิยกขึ้นฎีกาได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบ มีดพกปลายแหลมและเหล็กขูดชาฟท์รุมแทง ฟัน ประทุษร้ายแก่ร่างกายนายปรีชา รื่นพิทักษ์ ผู้เสียหายหลายครั้ง ถูกที่บริเวณหน้าอกขวาลึก 8 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร บริเวณเหนือและใต้ใบหูกับบริเวณสะโพกซ้ายลึก 5 เซนติเมตร ยาว 4 เซนติเมตร ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใด และแต่ละคนกระทำงานอย่างไรบ้าง ก็พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนการที่จำเลยกับพวกคนใดใช้อาวุธชนิดใดและแต่ละคนกระทำการอย่างไรบ้างเป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share