คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อได้ประกาศใช้พีระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมูนิสต์แล้ว โจทก์ได้ถูกจับและถูกศาลลงโทษ แต่ต่อมาได้รับนิรโทษกรรมพ้นโทษไป ครั้นใน พ.ศ. ๒๕๐๒ โจทก์ก็ถูกจับในข้อหาว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินั้นอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังที่นายมนัส นายนคร ถูกจับในความผิดฐานเดียวกันไม่นาน ก่อนถูกจับครั้งหลังนี้โจทก์ได้รับทุนเดินทางไปยังสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดถืออุดมการณ์คอมมูนิสต์ จำเลยนี้มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของคนจีนและมีหน้าที่สืบสวนสอบสวนและปราบปรามบุคคลที่กระทำการอันเป็นภัยต่อชาติ เมื่อสืบสวนได้ความว่าโจทก์มีพฤติการณ์อย่างไร จำเลยก็เบิกความต่อศาลในคดีที่นายมนัสกับพวกถูกฟ้องต่อศษลทหารกรุงเทพฯ ในข้อหาว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมูนิสต์ โดยพาดพิงถึงโจทก์ว่านายมนัส นายนคร ได้ติดต่อกับโจทก์ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นคอมมูนิสต์ เพื่อแสดงว่าบุคคลทั้งอสงนั้นน่าจะมีพฤติการณ์ทำนองเดียวกันกับโจทก์ สำหรับประกอบการพิจารณาของศาลต่อไป
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องได้ความดังกล่าวแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ของโจทก์เองเป็นเครื่องแสดงหรือเป็นสื่อชวนให้เกิดความรู้สึกนึกคิดไปได้ว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องนิยมลัทธิคอมมูนิสต์อยู่บ้าง และที่จำเลยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโจทก์ดังนั้น ก็ในฐานะที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่โดยสุจริต ไม่ได้ความว่าจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์เป็นการส่วนตัว และโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าการแสดงความคิดเห็นของจำเลยเป็นไปโดยไม่สุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๒) คดีโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องเอาผิดแก่จำเลยได้ พิพากษายืน

Share