คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ของลูกหนี้ในคดีล้มละลาย. เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้หรือไม่ได้. คำพิพากษาในคดีของเจ้าหนี้ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นเท่านั้น.

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลย ผู้ร้องขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นต่อศาลชั้นต้นว่ามีมูลหนี้เพียงรายเดียว ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องรับชำระหนี้รายเดียว ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกาว่า หนี้รายที่ยกนั้นเป็นหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดเป็นเรื่องปิดปากลูกหนี้หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเถียงหรือฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดนั้น ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 แม้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่ยื่นคำร้องขอส่วนเฉลี่ยในคดีอื่น หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นหนี้สมยอมเพื่อฉ้อโกงอันไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย ศาลย่อมมีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยเสียได้ แสดงว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดมิได้ถือว่าเป็นเรื่องปิดปากมิให้เถียงเป็นอย่างอื่นดังที่ผู้ร้องฎีกานอกจากนั้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 105 บัญญัติให้อำนาจหน้าที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการตรวจคำขอรับชำระหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ ให้มีอำนาจออกหมายเรียกเจ้าหนี้ลูกหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้ต่อศาล พร้อมทั้งรายงานว่ามีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ประการใดหรือไม่ จะเห็นได้ว่ากฎหมายในเรื่องนี้ ให้อำนาจหน้าที่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แม้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังต้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลมีอำนาจจะฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้สินตลอดจนหนี้ตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดซึ่งยื่นขอรับชำระหนี้นั้น จะมีมูลหนี้อันจะพึงอนุญาตให้รับชำระหนี้ตามคำร้องหรือไม่ พิพากษายืน.

Share