คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินมารดาโจทก์และน้องชายโจทก์. จำเลยตกลงยกนาให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ชำระหนี้แทนเงิน. มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ยอมรับ แต่ให้จำเลยโอนนานั้นให้แก่โจทก์ จำเลยตกลง. โจทก์จำเลยจึงได้ไปทำคำขอทำสัญญาซื้อขายนานั้นที่อำเภอ. ดังนี้ ถือได้ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายนานั้นแล้ว. โดยหักเงินที่จำเลยเป็นหนี้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นราคานานั้นเมื่อจำเลยไม่ยอมโอนขาย. โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายนั้นได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากู้เงินของมารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ไป จำเลยทั้งสองยอมยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ แต่มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ยกนาที่พิพาทให้แก่โจทก์ ทุกฝ่ายตกลงให้จำเลยยื่นคำร้องต่ออำเภอโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องต่ออำเภอขอขายนาที่พิพาทให้โจทก์ แล้วกลับไม่ยอมขาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การว่า สัญญากู้เงินที่ฟ้องเป็นสัญญาปลอมจำเลยไม่ได้ตกลงยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์จำเลยไม่ได้ทำหนังสือขอขาย เจ้าหน้าที่เขียนเอาเอง บังคับและหลอกลวงให้จำเลยลงชื่อ จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา สืบพยานโจทก์ได้ 3 ปาก จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลสั่งว่าจะสั่งในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เชื่อว่าจำเลยทั้งสองทำเอกสารโอนขายนาที่พิพาทให้โจทก์จริง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยตกลงยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นการชำระหนี้แทนเงิน ซึ่งคนทั้งสองก็ยอมรับแต่ขอให้จำเลยโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ และจำเลยก็ตกลง โจทก์จำเลยได้ไปทำคำขอทำสัญญาซื้อขายนาที่พิพาทกันที่อำเภอ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่นาพิพาทกันแล้ว โดยหักเงินที่จำเลยเป็นหนี้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นราคานาที่พิพาท เมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมโอนขายนาที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้ที่อำเภอ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายได้ พิพากษายืน.

Share