คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่า ผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับมาแจ้งว่า ที่บ้านจำเลยลักลอบเล่นการพนันได้ระบุถึงผู้เล่นและเล่นอยู่ตรงไหนของตัวบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจอีกผู้หนึ่งก็ได้สอบถามผู้มาแจ้งตามข้อเท็จจริง เช่นนี้ถือได้ว่าผู้ที่มาแจ้ง นั้นเป็นผู้นำจับตามความในพระราชบัญญัติการพนันแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันเล่นการพนัน คดีมีผู้รับสินบนนำจับขอให้จ่ายสินบนและขอให้ลงโทษจำเลย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลแขวงอุบลราชธานีพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด จำคุกและปรับ 4 คนจำเลยอื่นปรับคนละ 300 บาท ให้จำเลยทุกคนใช้เงินสินบนแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่าพวกจำเลยลักเล่นการพนันโปกำ

ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ผู้แจ้งความนำจับไม่ได้นำจับเลย ศาลจะบังคับให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับไม่ได้ อ้างฎีกาที่ 544/2480 นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ร้อยตำรวจโทบุญศรีพยานโจทก์เบิกความว่าผู้ประสงค์เงินสินบนนำจับมาแจ้งว่าที่บ้านนายผดุงลักลอบเล่นการพนันได้ระบุถึงผู้เล่นและเล่นอยู่ตรงไหนของตัวบ้าน ผู้แจ้งบอกให้เข้าทางหลังบ้าน พันตำรวจโทกรีพลก็ได้สอบถามผู้มาแจ้ง ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริงถือได้ว่าผู้ที่มาแจ้งนั้นเป็นผู้นำจับตามความในพระราชบัญญัติการพนันแล้ว คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้

พิพากษายืน

Share