คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5498/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายว่าเงิน ค่าอาหารมิใช่ค่าจ้างและการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์มิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
จำเลยผู้เป็นนายจ้างจ่ายค่าอาหารให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างเนื่องจากโจทก์ต้องไปทำงานที่โครงการวางท่อส่งก๊าซที่จังหวัดอื่นเป็นประจำทุกเดือน มีจำนวนแน่นอนเช่นเดียวกับค่าจ้างหรือเงินเดือนโดยโจทก์ไม่ต้องนำหลักฐานมาเบิกและไม่ว่าโจทก์จะทำงานเดือนละกี่วัน เงินดังกล่าวจึงเป็นค่าตอบแทนในการที่โจทก์ไปทำงานในโครงการ ถือได้ว่าเป็นค่าจ้างในระหว่างนั้น ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน ๒๒,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๗,๘๘๗ บาท และค่าชดเชย ๙๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ๙๐,๐๐๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๒๒,๕๐๐ บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๗,๘๘๗ บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วที่จำเลยอุทธรณ์ว่า เงินค่าอาหารเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินของกิจการร่วมค้าเจ้าของโครงการวางท่อส่งก๊าซเป็นผู้จ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์ จำเลยเป็นแต่เพียงผู้ทดรองจ่ายให้ไปก่อนแล้วมาเรียกเก็บคืนในภายหลังและจ่ายให้เฉพาะวันที่โจทก์มาทำงานซึ่งไม่แน่นอนจึงได้ตกลงกันให้เหมาจ่ายเป็นเดือน ทั้งเป็นเงินที่ไม่ได้นำไปเสียค่าภาษีเงินได้ จึงไม่ใช่ค่าจ้าง กับที่จำเลยอุทธรณ์ว่า กิจการร่วมค้าขอยืมตัวโจทก์ไปช่วยทำงานเพียงแค่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๑ เท่านั้น การที่โจทก์ทำงานกับโครงการต่อไปไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย จำเลยเลิกจ้างพนักงานตามสัดส่วนของปริมาณงานไม่ใช่เลิกจ้างเฉพาะโจทก์ การจ่ายโบนัสและการก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่า ผลประกอบการของจำเลยมีกำไร และงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและคดีความของกลุ่มบริษัทในเครือไม่ใช่งานของจำเลยจะนำมาเป็นเหตุวินิจฉัยว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ เห็นได้ว่า อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าว ล้วนเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายตามที่จำเลยต้องการ ถือเป็นการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๔ วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
กรณีจำเลยจ่ายค่าอาหารให้โจทก์เนื่องจากโจทก์ต้องไปทำงานที่โครงการวางท่อส่งก๊าซที่จังหวัดราชบุรี เป็นประจำทุกเดือน มีจำนวนแน่นอนเช่นเดียวกับค่าจ้างหรือเงินเดือนโดยโจทก์ไม่ต้องนำหลักฐานมาเบิกและไม่ว่าโจทก์จะทำงานเดือนละกี่วัน เงินดังกล่าวจึงเป็นค่าตอบแทนในการที่โจทก์ไปทำงานในโครงการถือได้ว่าเป็นค่าจ้าง ในระหว่างนั้น ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๒ จึงไม่ใช่เป็นเงินสวัสดิการ …
พิพากษายืน .

Share