แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลาง เจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้ หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 วรรคท้าย และต้องคืนแก่เจ้าของ
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย ขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่ผู้มีกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงในรถยนต์ของกลาง และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง และวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลาง ให้นางสมโภชน์เช่าซื้อไป และนางสมโภชน์ผิดสัญญาเช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา สัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน ผู้ร้องจึงยังเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางอยู่ ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอารถยนต์ของกลางของผู้ร้องไปใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งศาลจะมีคำสั่งให้ริบรถยนต์ของกลางไม่ได้ ดังที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓ บัญญัติไว้ จึงต้องคืนรถยนต์ของกลางให้ผู้ร้อง
พิพากษายืน.