คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ง. สามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว ซื้อที่ดินแปลงพิพาทเพื่ออยู่อาศัยโดยมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงและไม่ได้รับอนุญาต จากรัฐมนตรีตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 แล้วใส่ชื่อ บ. บิดาโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน หลังจาก ง.ถึงแก่กรรม บ.ได้ขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าว ต่อมา บ. ถึงแก่กรรม โจทก์จึงขอรับมรดกที่พิพาทและฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นบุตรของ ง. ซึ่งเกิดจากภริยาของ ง. อีกคนหนึ่งออกจากที่พิพาท กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ ง. คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บ. ซึ่งได้ที่ดินมาในฐานะเป็นเจ้าของแทนคนต่างด้าวย่อมไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นได้ เมื่อ บ. ตายที่นั้นไม่ใช่มรดกของ บ. โจทก์ผู้ไปขอรับมรดกมาย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๙๗๑ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร พร้อมบ้าน ๒ หลัง ร่วมกับนายอ่อนศรีและนายทวีศักดิ์ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๔ จำเลยและบริวารเข้ามาอยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาต่อกัน โจทก์ไม่ประสงค์จะให้อยู่ต่อไปจึงบอกกล่าวให้จำเลยออกไป แต่ว่าจำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยและบริวารให้ออกไปจากที่พิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๕๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออก
จำเลยให้การว่าโจทก์และพวกไม่มีสิทธิในที่พิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เดิมโจทก์เป็นภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายเงินบิดาของจำเลยซึ่งเป็นชาวญวนอพยพ นายเงินบิดาจำเลยได้ซื้อที่พิพาทโดยให้นายบัวบิดาโจทก์หรือพ่อตาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทน แต่นายเงินเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทและได้ปลูกบ้านลง ๒ หลัง ซึ่งจำเลยผู้เป็นบุตรของนายเงินได้อยู่อาศัยตลอดมา ต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๔ นายเงินตาย ที่พิพาทและบ้านจึงตกเป็นมรดกให้แก่จำเลย นายบัวบิดาโจทก์เคยทำสัญญาว่าจะโอนที่พิพาทให้แก่จำเลยแต่บิดพลิ้วกลับไปโอนให้โจทก์ จำเลยจึงฟ้องนายบัว ในที่สุดศาลจังหวัดสกลนครพิพากษาให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวแล้ว
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความรับกันตามเอกสารที่อ้าง ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเงินเป็นคนต่างด้าว โจทก์เป็นภริยาของนายเงิน จำเลยเป็นบุตรนายเงินซึ่งเกิดกับภริยาอื่น นายเงินได้ออกเงินซื้อที่พิพาทไว้ แล้วให้นายบัวบิดาโจทก์ลงชื่อถือสิทธิแทน ต่อมานายเงินถึงแก่กรรม นายบัวไปขอออกโฉนด ได้รับโฉนดมาเป็นโฉนดเลขที่ ๓๙๗๑ หลังจากนั้นนายบัวได้ทำหนังสือสัญญาจะโอนที่พิพาทให้แก่จำเลย แล้วกลับโอนให้โจทก์ จำเลยจึงฟ้องนายบัวและโจทก์คดีนี้ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๓๕/๒๕๑๗ ของศาลจังหวัดสกลนคร ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท ศาลจังหวัดสกลนครได้พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว เพราะเหตุนายบัวไม่อยู่ในฐานะที่จะโอนที่พิพาทให้แก่ผู้ใดได้ เนื่องจากนายบัวเป็นผู้ซื้อที่พิพาทแทนคนต่างด้าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย บัดนี้ นายบัวได้ถึงแก่กรรมและโจทก์ได้ขอรับมรดกที่พิพาทไปแล้ว และวินิจฉัยว่า การที่คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกำหนดโดยกฎกระทรวง และต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘๖ แต่คดีนี้ นายเงินคนต่างด้าวได้ที่ดินแปลงพิพาทโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ที่พิพาทที่นายเงินคนต่างด้าวได้มาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนนายบัวซึ่งได้ที่พิพาทมาในฐานะเป็นเจ้าของแทนคนต่างด้าวย่อมไม่อาจอ้างกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทได้ เมื่อนายบัวตายที่พิพาทก็ไม่ใช่มรดกของนายบัว โจทก์ไปขอรับมรดกที่พิพาทมาไม่ทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share