คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตกลงจะซื้อขายตามคำพรรณนาครั้นส่งของมาถึงไม่ตรงตามคำพรรณนาผู้ซื้อไม่ยอมรับและให้ผู้ขายคืนกับให้ใช้ค่าเสียหายผู้ขายไม่ปฏิบัติสักอย่างเดียวและผู้ขายไม่ยอมรับของจากท่าศุลกากรผู้ซื้อเห็นว่าจะต้องเสียค่าโกดังมากขึ้นเรื่อย จึงรับของมา แล้วรีบขายไปด้วยความระมัดระวังตามสมควรโดยสุจริตดังนี้ ผู้ขายต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ซื้อ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยตกลงจะซื้อขายผ้าต่อกัน โจทก์เป็นผู้จะซื้อ จำเลยเป็นผู้จะขาย ซื้อขายตามคำพรรณนา ข้อหนึ่งแห่งคำพรรณนามีว่า ผ้าที่จะซื้อขายหน้ากว้าง 43-46 นิ้ว เมื่อทำสัญญากันแล้วต่อมาโจทก์ได้รับผ้าหน้าแคบ 38-39 นิ้ว ผิดจากคำพรรณนาเป็นการที่จำเลยผิดสัญญา โจทก์ให้จำเลยคืนเงินค่าผ้า พร้อมทั้งให้จ่ายค่าเสียหาย จำเลยไม่ปฏิบัติสักอย่าง ฉะนั้นเพื่อบรรเทาความเสียหายโจทก์จึงรับผ้าจากโรงภาษีสิ้นค่าใช้จ่าย 24,805 บาท 84 สตางค์ แล้วโจทก์เอาผ้าออกขายได้เงินเพียง 11,699 บาท 90 สตางค์เงินจึงขาดไป 13,106 บาท 84 สตางค์

อนึ่ง ถ้าไม่มีการผิดสัญญา โจทก์ยังจะได้กำไร 2,000 บาท เพราะฉะนั้นยอดเงินสองจำนวนนี้จึงเป็นค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์ฟ้องเรียก

จำเลยให้การมีข้อความหลายประการ แต่ที่ควรกล่าวในชั้นฎีกามีข้อเดียวคือจำเลยให้การว่า เมื่อผ้าขนาด 38-39 นิ้ว ส่งมาแล้วโจทก์ตกลงยอมรับซื้อจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยผิดสัญญาและโจทก์ต้องเสียหายจริง ดังที่แจ้งในฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินสองจำนวนแก่โจทก์ จำนวนหนึ่งเงิน 13,106 บาท 84 สตางค์ กับดอกเบี้ยอีกจำนวนหนึ่งเงินสองพันบาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ได้ความว่าโจทก์จำเลยตกลงจะซื้อของผ้าตามคำพรรณนา ครั้นแล้วต่อมาผ้าส่งไปยังโจทก์เป็นผ้าขนาดแคบไม่ใช่ผ้ากว้างดังที่แจ้งในคำพรรณนา โจทก์ปฏิเสธในชั้นแรกไม่ยอมรับผ้า โจทก์ให้จำเลยคืนเงินค่าผ้าที่โจทก์จ่ายไป แล้วให้ชำระค่าเสียหายจำเลยไม่ปฏิบัติสักอย่างเดียว เวลานั้นผ้าอยู่ในศุลกากรจำเลยไม่ยอมรับของจากท่าศุลกากรโจทก์เห็นว่าจะต้องเสียค่าโกดังมากขึ้นเรื่อย โจทก์จึงไปรับผ้าแล้วจัดการให้ตรวจสอบ แล้วก็รีบขายผ้าด้วยความระมัดระวังให้ได้ราคาตามสมควร กิจการที่โจทก์ทำไปนั้น อันใดที่โจทก์ควรแจ้งจำเลยโจทก์ก็แจ้งจำเลยเป็นระยะ ๆ ไปโจทก์ทำโดยสุจริตตลอดมา ข้อที่จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ยอมรับผ้าทั้ง ๆ ที่ผ้าผิดขนาดนั้นข้อเท็จจริงไม่ได้ความเลย จำเลยผิดสัญญา และเมื่อจำเลยผิดสัญญาแล้ว โจทก์เป็นฝ่ายพยายามไม่ให้เกิดการเสียหายอันมิควร ค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนดไว้ถูกต้องแล้วฎีกาจำเลยไม่สามารถโต้แย้งข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์

ศาลนี้พิพากษายืน ให้จำเลยเสียค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 300 บาท

Share