คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5479/2554

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำร้ายโจทก์ร่วมต่อเนื่องกัน เมื่อ ร. พวกของจำเลยนำมีดหัวตัดที่นำติดตัวมาฟันโจทก์ร่วมจนเป็นอันตรายสาหัส จำเลยทั้งสามต้องรับผลในสิ่งที่ตนเองกับพวกกระทำลงไป จะอ้างว่ามีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้นหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายสาหัส จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) ประกอบมาตรา 83

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 2 คน ซึ่งหลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายชกต่อย ใช้ไม้ท่อนทุบตี และใช้มีดแบบหัวตัดยาว 1 ศอกเศษ ฟันทำร้ายนายสุทธิยาหรือทอมผู้เสียหายโดยแรงหลายครั้ง ถูกที่ท้ายทอยแถบซ้าย สะบักซ้าย หลังมือ และฝ่ามือซ้าย เป็นบาดแผลฉีกขาด นิ้วชี้ซ้ายขาด ปลายนิ้วหัวแม่มือขาด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 83, 297 บวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4665/2545 และ 4765/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 3 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4277/2545 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีนี้
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ระหว่างพิจารณานายเคียง บิดาของนายสุทธิยาหรือทอม ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 6 ปี นำโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4665/2545, 4765/2545 และ 4277/2545 ของศาลชั้นต้นบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 12 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 ปี 6 เดือน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 4 เดือน ทางนำสืบของจำเลยทั้งสามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 เดือน นำโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4665/2545, 4765/2545 และ 4277/2545 ของศาลชั้นต้นตามลำดับ มาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 15 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 9 เดือน
โจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบและจำเลยทั้งสามไม่โต้แย้งคัดค้านฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสาม นายเอกชัย และนายรณชัยร่วมกันทำร้ายโจทก์ร่วม โดยนายรณชัยใช้มีดหัวตัดฟันที่บริเวณศีรษะขณะที่โจทก์ร่วมใช้มือกุมไว้ เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ บริเวณหลัง นิ้วชี้ขาด และนิ้วหัวแม่มือขาดบางส่วน ส่วนจำเลยทั้งสามร่วมกันชกต่อย เตะ กระทืบโจทก์ร่วม เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัส คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยข้อแรกตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นอันตรายสาหัสตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากโจทก์ร่วมและนายณัฐพลพยานโจทก์และโจทก์ร่วมว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่พากันจะไปร้านคุ้มคาราโอเกะ ระหว่างทางถึงสี่แยกโรงแรมเจ้าพระยา พยานทั้งสองเห็นจำเลยทั้งสาม นายรณชัย นายเอกชัยกับพวก 7 ถึง 8 คนใช้รถจักรยานยนต์ 4 ถึง 5 คัน ร่วมทางเดียวกันเข้ามาลักษณะประกับหน้าประกบข้าง และประกบท้าย นายเอกชัยถามนายณัฐพลว่าโจทก์ร่วมอยู่ไหน นายณัฐพลบอกว่าโจทก์ร่วมนั่งข้างหลัง แล้วนายณัฐพลบอกนายยศพลให้ขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวซ้ายเข้าตลาดท่าช้างไปถึงหน้าร้านอาหารต้องแวะ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 15 เมตร แล้วบอกให้โจทก์ร่วมหลบหนีไป โจทก์ร่วมลงจากรถจักรยานยนต์เข้าไปหลบหลังรถตู้ในลักษณะนั่งยองๆ หลังจากนั้นประมาณ 1 นาที จำเลยทั้งสามกับพวกขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดแล้วเดินลงมาหา สักครู่จำเลยที่ 3 พบโจทก์ร่วมแล้วบอกพรรคพวก จำเลยที่ 1 และที่ 2 นายรณชัยกับนายเอกชัยเข้ามาที่โจทก์ร่วมหลบอยู่ นายรณชัยถือมีดหัวตัดยาวประมาณ 1 ศอก ด้วยมือข้างขวา แล้วจำเลยทั้งสามกับพวกรุมทำร้ายโจทก์ร่วมประมาณ 1 นาที นายรณชัยใช้มีดฟันที่ศีรษะโจทก์ร่วมซึ่งใช้มือกุมไว้ได้รับบาดเจ็บ โจทก์ร่วมร้องตะโกนว่ายอมแล้ว จำเลยทั้งสามกับพวกไม่ยอมหยุด ต่อมานายยศพลเข้ามาห้าม จำเลยทั้งสามกับพวกจึงหยุดทำร้าย นายณัฐพลกับนายยศพลจึงพาโจทก์ร่วมไปส่งโรงพยาบาล เห็นว่า บริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่โล่ง ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนไม่มีบุคคลอื่นสัญจรผ่านไปมา จำเลยทั้งสามกับนายรณชัยและนายเอกชัยติดตามโจทก์ร่วมตั้งแต่พบกันครั้งแรก โดยขับรถจักรยานยนต์หลายคันประกบข้างหน้า และหลังของรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ร่วมนั่งซ้อนท้ายมาครั้นถามหาโจทก์ร่วมแล้วโจทก์ร่วมลงจากรถจักรยานยนต์หลบซ่อนตัวที่รถตู้ จำเลยทั้งสามกับพวกยังติดตามมาหาจนพบตัว จำเลยที่ 3 พบโจทก์ร่วมแล้วร้องบอกให้พรรคพวกทราบที่หลบซ่อนตัว จำเลยที่ 1 และที่ 2 นายรณชัยและนายเอกชัยก็หาโจทก์ร่วมแล้วรุมทำร้ายโจทก์ร่วมทันที นายรณชัยนำมีดหัวตัดที่นำติดตัวมาฟันโจทก์ร่วมจนเป็นอันตรายสาหัส ส่วนจำเลยทั้งสามร่วมกันรุมชกต่อย เตะ และกระทืบโจทก์ร่วมในเวลาเดียวกันไม่ขาดสาย พฤติการณ์บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำร้ายโจทก์ร่วมต่อเนื่องกัน ฉะนั้นจำเลยทั้งสามจึงต้องรับผลในสิ่งที่ตนเองกับพวกกระทำลงไป จะอ้างว่ามีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้นหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายสาหัส จำเลยทั้งสามจึงต้องรับผิดฐานร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 6 เดือน นำโทษจำคุกคดีละ 6 เดือน ของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4665/2545 และ 4765/2545 ของศาลชั้นต้น และนำโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 3 ที่รอการลงโทษไว้ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4277/2545 ของศาลชั้นต้น บวกเข้ากับโทษคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี

Share