คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5476/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ล่ามแปลคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยโดยมิได้สาบานหรือปฏิญาณตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 วรรคสองนั้น มีผลทำให้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้เท่านั้น ไม่ทำให้การสอบสวนคดีนี้เป็นการไม่ชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2534 เวลากลางวันจำเลยทั้งสามมีเฮโรอีน 6 ถุง น้ำหนัก 3,752 กรัม มีปริมาณคำนวณเป็นเฮโรอีนบริสุทธิ์หนัก 2,514 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเหตุเกิดที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7,8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง มาตรา 66 วรรคสองให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูกประกอบมาตรา 52(2) เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ โจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนคำให้การจำเลยที่ 1และที่ 3 โดยใช้ล่ามแปล แต่ล่ามมิได้สาบานหรือปฏิญาณตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 13 วรรคสอง การสอบสวนคดีนี้ชอบหรือไม่ และโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า การที่ล่ามแปลคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยมิได้สาบานหรือปฏิญาณตามบทบัญญัติดังกล่าว มีผลทำให้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยที่ 1และที่ 3 ในชั้นพิจารณาได้เท่านั้น ไม่ทำให้การสอบสวนคดีนี้ไม่ชอบโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ อนึ่ง สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2ซึ่งศาลล่างทั้งสองลงโทษประหารชีวิตนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหนักเกินไปและเห็นควรวางโทษใหม่ให้เหมาะสม ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัยเองได้อีกทั้งเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้ฎีกาด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละตลอดชีวิตจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 25 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share