แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ขณะศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของลูกหนี้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีแพ่งแต่การบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์กำลังประกาศขายทอดตลาดจึงไม่อาจใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านได้ที่ดินพิพาทจึงตกอยู่ในอำนาจจัดการของผู้คัดค้านตามมาตรา 22(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เมื่อสิทธิตามสัญญาที่ ส.ขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามโดยโอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.นั้น เป็นผลแห่งสัญญาที่ลูกหนี้กระทำขึ้นภายหลังที่ผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาทของลูกหนี้ไว้ในคดีแพ่งแล้ว ซึ่งการก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดดังกล่าวไม่อาจใช้ยันแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) แล้วผลแห่งการนั้นก็ย่อมไม่อาจใช้ยันต่อผู้คัดค้านได้เช่นกันผู้คัดค้านจึงไม่ชอบที่โอนที่ดินพิพาทให้แก่ ส.
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้โอนที่ดินพิพาทของลูกหนี้ (จำเลย) โฉนดเลขที่ 12335 ที่ผู้ร้องยึดไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9626/2518 ของศาลจังหวัดเพชรบุรีให้แก่นายสุเทพ ตันติถาวร ซึ่งยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามสัญญาโดยโอนที่ดินพิพาทให้แก่นายสุเทพในคดีนี้เป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 122 เพราะสัญญาดังกล่าวทำขึ้นภายหลังที่ผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาทไว้ในคดีแพ่งดังกล่าวแล้ว และผู้คัดค้านโอนให้แก่นายสุเทพโดยมิได้รับความเห็นชอบของที่ประชุมเจ้าหนี้ ขอให้มีคำสั่งกลับคำสั่งของผู้คัดค้าน ให้ยกคำร้องของนายสุเทพตันติถาวร ที่ขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามสัญญาโดยโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 12335 ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมืองเพชรบุรีจังหวัดเพชรบุรี ให้แก่นายสุเทพ ตันติถาวรเสียทั้งสิ้น
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า คำสั่งของผู้คัดค้านชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านที่สั่งให้โอนโฉนดที่ดินเลขที่ 12335 ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมืองเพชรบุรีจังหวัดเพชรบุรี ให้แก่นายสุเทพ ตันติถาวร
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่นายสุเทพชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีแพ่งแต่ก็ปรากฏว่าการบังคับคดียังไม่สำเร็จบริบูรณ์เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนของการประกาศขายทอดตลาด การยึดทรัพย์ของลูกหนี้ในคดีแพ่งดังกล่าวจึงไม่อาจใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ในคดีล้มละลายได้ ที่ดินพิพาทจึงเป็นทรัพย์สินที่ลูกหนี้มีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลาย ซึ่งตามกฎหมายให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้และทรัพย์สินของลูกหนี้ดังกล่าวย่อมตกอยู่ในอำนาจจัดการของผู้คัดค้านตามความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 22(1) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เว้นเสียแต่ว่าจะมีกฎหมายจำกัดอำนาจของผู้คัดค้าน ดังนั้นเมื่อสิทธิตามสัญญาที่นายสุเทพขอให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามโดยโอนที่ดินพิพาทให้แก่นายสุเทพนั้นเป็นผลแห่งสัญญาที่ลูกหนี้กระทำขึ้นภายหลังที่ผู้ร้องนำยึดที่ดินพิพาทของลูกหนี้ไว้ในคดีแพ่งแล้วซึ่งการก่อให้เกิดเปลี่ยนแปลงซึ่งสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึดดังกล่าวไม่อาจใช้ยันแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305(1) แล้วผลแห่งการนั้นก็ย่อมไม่อาจใช้ยันต่อผู้คัดค้านในคดีล้มละลายได้เช่นกัน เหตุนี้ผู้คัดค้านจึงไม่ชอบที่โอนที่ดินพิพาทให้แก่นายสุเทพตามสัญญาระหว่างลูกหนี้กับนายสุเทพ คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้โอนที่ดินพิพาทให้แก่นายสุเทพจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น