คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ว.ยกบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ซึ่งในคดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของ ค.และจำเลย ศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของ ค. ซึ่งได้จดทะเบียนยกให้โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่าง ว. และจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่มีผลผูกพันโจทก์คำพิพากษาในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมีห้องแถว ๘ ห้อง และบ้านอีก ๑๐ หลัง คือบ้านเลขที่ ๓๓, ๓๕, ๓๕/๑, ๓๗, ๓๗/๑, ๓๗/๒, ๗๓, ๗๓/๑, ๘๓/๑ และ ๘๕ จำเลยและบริวารได้เข้าอยู่อาศัยบ้านเลขที่ ๓๗, ๘๕, ๘๕/๒ และห้องแถวเลขที่ ๗๑ โดยไม่มีสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านและห้องแถวของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แต่เป็นของจำเลย จำเลยได้ครอบครองที่ดินและห้องแถวพิพาทโดยจำเลยปลูกสร้างมากว่า ๑๐ ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๘๑๐๙/๒๕๑๓ ของศาลแพ่งวินิจฉัยว่า บ้านเลขที่ ๓๗, ๘๕ และ ๘๕/๒ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ ส่วนห้องแถวเลขที่ ๗๑ เชื่อว่าเป็นของนางคำ คุรุรัตน์ จดทะเบียนยกให้โจทก์จึงเป็นของโจทก์ จำเลยและบริวารไม่มีสิทธิอยู่ในบ้านและห้องแถวพิพาท พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ ๓๗, ๘๕ และ ๘๕/๒ กับห้องแถวเลขที่ ๗๑
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะบ้านเลขที่ ๘๕, ๘๕/๒ และ ๓๗ โจทก์ จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๘๑๐๙/๒๕๑๓ ของศาลแพ่ง โดยพนักงานอัยการเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามและน้องของโจทก์อีก ๓ คน ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่นายวิชัยในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ ยกห้องแถวเลขที่ ๖๕ พร้อมที่ดินกับยกบ้านเลขที่ ๓๗, ๘๕ และ ๘๕/๒ ให้แก่จำเลย อ้างว่าเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง จำเลยถูกหมายเรียกให้เป็นจำเลยร่วมคดีดังกล่าวและให้การต่อสู้ว่าทรัพย์ที่นายวิชัยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกให้แก่จำเลยไม่ใช่เป็นของโจทก์ แต่เป็นของนางคำและจำเลย ศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์ที่พิพาทคดีดังกล่าวเป็นของนางคำซึ่งได้จดทะเบียนยกให้แก่โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างนายวิชัยและจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๖ จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ เห็นได้ว่าคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๘๑๐๙/๒๕๑๓ ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านเลขที่ ๘๕, ๘๕/๒ และ ๓๗ เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ (แล้ววินิจฉัยว่าห้องแถวเลขที่ ๗๑ เป็นของโจทก์)
พิพากษายืน

Share