คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 เป็นเสมียนแผนกการเงินทำหน้าที่เขียนเช็คมาช้านานแล้ว และวิธีเขียนก็มีการเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้าจำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วเช่นนี้ อยู่เสมอและไม่เคยมีเหตุเกิดขึ้นในคราวที่เกิดเรื่องนี้ จำเลยที่ 3 ก็เขียนเช็คโดยเว้นช่องระยะไว้ข้างหน้าจำนวนเงินที่เขียนไว้แล้วทำนองเดียวกันและผ่านการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ชั้นรองๆ ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะมาแล้ว อีกทั้งมีหลักฐานการขอเบิกจ่ายมาถูกต้องจึงเสนอเช็คให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายช่างผู้เชี่ยวชาญกรมทางฯ ขณะมีงานอื่นกำลังปฏิบัติอยู่มาก และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน กองคลัง เซ็นสั่งจ่ายและแล้วจำเลยที่ 3 นำเช็คนั้นไปเติมจำนวนเงินลงในช่องที่เว้นระยะไว้นั้น เป็นเหตุให้กรมทางฯ ต้องจ่ายเงินเกินจำนวนที่ควรต้องจ่ายจริงไป 600,000 บาทดังนี้ แม้เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1-2 จะไม่รอบคอบแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ปฏิบัติงานโดยชอบด้วยหน้าที่แล้ว ความเสียหายของโจทก์ก็จะไม่เกิดขึ้นความเสียหายของโจทก์โดยตรงเกิดจากการที่ธนาคารยอมจ่ายเงินทั้งๆ ที่เช็ครายนี้มีพิรุธในข้อที่เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ ซึ่งแม้พิจารณาด้วยตาเปล่าของคนธรรมดาก็เห็นชัดหาได้เกิดโดยตรงจากการไม่รอบคอบของจำเลยที่ 1-2 ไม่ดังนี้ จำเลยที่ 1-2 ไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์ต้องเสียหายไปดังกล่าว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1-2 เป็นข้าราชการสังกัดกรมทางฯ เซ็นชื่อในเช็คแทนโจทก์สั่งจ่ายเงินของกรมทางฯ โจทก์โดยประมาทขาดความระมัดระวังโดยปล่อยให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดกรมทางฯ เหมือนกัน เป็นผู้เขียนเช็ค เขียนจำนวนเงินเว้นช่องว่างไว้ข้างหน้าแล้วจำเลยที่ 3 ไปเติมจำนวนเงินลงตรงช่องว่างเป็นเหตุให้ต้องจ่ายเงินออกจากบัญชีของกรมทางฯ เกินไป 600,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้รับเงินคืนบางส่วนจึงขอให้พิพากษาบังคับจำเลยทั้งสามให้ช่วยกันใช้เงินแก่โจทก์ที่ยังขาดอีก รวม 294,605 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1-2 ต่อสู้ว่ามิได้เป็นผู้เขียนเช็ค เป็นแต่เพียงผู้เซ็นและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างใด

จำเลยที่ 3 ไม่ยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความเสียหายครั้งนี้มิได้เป็นผลโดยตรงหรือผลอันใกล้ชิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1-2 แต่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1-2จึงไม่ต้องรับผิดตามนัยฎีกาที่ 38/2496, 131/2496, และ 502/2497 ฐานะของโจทก์กับจำเลยที่ 1-2 ไม่ใช่เป็นตัวการตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812 ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 1-2 ทำผิดพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนศาลชั้นต้นเห็นว่าพระราชบัญญัตินี้เป็นบทบัญญัติทางวินัย ไม่ใช่บทบัญญัติให้ต้องรับผิดทางแพ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ใช้เงินค่าเสียหาย 294,605 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ แต่ปรากฏว่าคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2216/2498 ของศาลอาญา ศาลบังคับให้จำเลยที่ 3 ชำระเงินที่โจทก์ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 296,105 บาท(ภายหลังโจทก์ได้รับคืนมาอีก 1,500 บาท) ให้โจทก์ด้วย ถ้าจะบังคับคดีเฉพาะจำนวนค่าเสียหาย ก็ให้บังคับได้แต่เฉพาะคดีเดียวเท่านั้นคำขอของโจทก์ข้ออื่นให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ ให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

แต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้นั่งพิจารณาคดีนายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าหลักการแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะตัวแทนที่จะต้องรับผิดต่อตัวการในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของตัวแทนย่อมนำมาใช้ได้จำเลยผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินแทนตัวการซึ่งไม่ได้เป็นผู้เขียนเช็คเองก็ควรต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูว่า ผู้เขียนจะไม่มีโอกาสเขียนจำนวนเงินเติมลงไปอีกได้ จึงเห็นควรให้จำเลยที่ 1-2 ร่วมรับผิดใช้เงินจำนวนที่ยังไม่ได้คืนนี้ด้วย

โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1-2 เป็นตัวแทนของโจทก์ตามหลักการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะต้องรับผิดต่อตัวการในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของตัวแทนและจำเลยที่ 1-2 มีความประมาทขาดความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เสียหายแก่โจทก์

ศาลฎีกาฟังว่า เช็ครายนี้จำเลยที่ 3 เป็นผู้เขียนตามหน้าที่ในตำแหน่งราชการ (เสมียนแผนกการเงิน) แล้วนำเสนอจำเลยที่ 2และจำเลยที่ 1 ลงนามสั่งจ่ายพร้อมด้วยเสนอหลักฐานการขอจ่ายไปตามระเบียบราชการ จำเลยที่ 3 ทำหน้าที่เขียนเช็คนี้มาช้านาน แต่ก่อนมาก็ไม่เคยมีเหตุเกิดขึ้น และการเว้นช่องระยะอย่างที่เกิดเหตุคราวนี้ก็มีมาเป็นปกติวิสัยในวิธีเขียนเช็คของจำเลยที่ 3 ดังนี้ศาลฎีกาจึงเห็นว่าไม่น่าจะทำให้จำเลยที่ 1-2 สังเกตุเป็นพิเศษประการใด เพราะเมื่อเป็นปกติวิธีของการเขียนเช็คโดยเจ้าหน้าที่การเงินเช่นนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ผิดสังเกตุไปอย่างใดในคราวนี้ ตามพฤติการณ์ที่รู้กันอยู่ทั่วไป ผู้บังคับบัญชาราชการชั้นสูงอย่างเช่นจำเลยที่ 1 (นายช่างผู้เชี่ยวชาญกรมทางหลวงแผ่นดิน)ก็หาได้มีงานตามหน้าที่อยู่แต่เฉพาะการเซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินที่มีผู้มาขอเบิกเท่านั้นไม่ จำเลยที่ 1 นำสืบไว้ตอนหนึ่งว่าขณะเซ็นเช็ครายนี้ มีงานอื่นกำลังปฏิบัติอยู่มากฉะนั้น เมื่อเช็ครายนี้ผ่านการตรวจตราจากเจ้าหน้าที่ชั้นรอง ๆ ผู้มีหน้าที่โดยเฉพาะมาแล้ว อีกทั้งมีหลักฐานการขอเบิกจ่ายมาถูกต้องแล้วกรณีจึงเป็นที่น่าเห็นใจจำเลยที่ 1-2 อยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1-2 หาได้รอบคอบดังที่ควรไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยที่ 1-2 จะไม่รอบคอบ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ปฏิบัติงานโดยชอบด้วยหน้าที่แล้ว ความเสียหายของโจทก์ก็จะไม่เกิดขึ้นความเสียหายของโจทก์โดยตรงย่อมเกิดจากการที่ธนาคารยอมจ่ายเงินทั้ง ๆ ที่เช็ครายนี้มีพิรุธในข้อที่เติมจำนวนเงินทั้งตัวเลขและตัวหนังสือ ซึ่งแม้จะพิจารณาด้วยตาเปล่าของคนธรรมดาก็เห็นชัด หาได้เกิดโดยตรงจากการไม่รอบคอบของจำเลยที่ 1-2 ไม่

ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยที่ 1-2 ไม่ต้องรับผิดชอบใช้เงินที่โจทก์ต้องเสียหายไปครั้งนี้ เมื่อเช่นนี้ ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า ข้าราชการกับกระทรวงทบวงกรมที่สังกัดมีฐานะเป็นตัวแทนตัวการกันหรือไม่ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัย

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share