คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5441/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา 15 วันนับตั้งแต่ปิดประกาศได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคสอง เมื่อปิดประกาศวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 จึงมีผลเป็นการแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบโดยชอบนับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 ดังนั้น ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 แม้จำเลยไม่มาศาล หากโจทก์และพยานโจทก์จะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไปเพื่อแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบโดยชอบเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลและให้ยกฟ้องของโจทก์เพราะโจทก์ไม่นำพยานหลักฐานมาสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ทวิ วรรคห้า จึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตจำนวน149,269.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.75 ต่อปี ของต้นเงิน 21,769 บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี ของต้นเงิน 49,503.40 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบพยานเกี่ยวกับข้ออ้างของโจทก์ไปฝ่ายเดียว เพื่อประโยชน์ในการพิพากษาหรือมีคำสั่งชี้ขาดคดี แต่ในวันนัดสืบพยานไม่มีคู่ความมาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูล และให้ยกฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ทวิ วรรคห้า

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การส่งหมายแจ้งวันนัดสืบพยานให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูล และให้ยกฟ้องของโจทก์ ชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 27 กันยายน 2544 เมื่อถึงวันนัดทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 8 พฤศจิกายน2544 ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีอีกโดยอ้างว่าต้องไปประชุมที่กรุงเทพมหานคร ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 โดยให้ปิดประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาล ครั้นถึงวันนัดไม่มีคู่ความมาศาล เห็นว่า การปิดประกาศแจ้งวันนัดที่หน้าศาลจะมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลา 15 วัน นับตั้งแต่ปิดประกาศได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง การปิดประกาศในคดีนี้เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2544 จะมีผลเป็นการแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบโดยชอบนับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 ดังนั้น ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 เมื่อจำเลยไม่มาศาลหากโจทก์และพยานโจทก์จะมาศาลก็ไม่อาจสืบพยานโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งเลื่อนคดีไปเพื่อแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบโดยชอบเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถือว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลและให้ยกฟ้องของโจทก์เพราะโจทก์ไม่นำพยานหลักฐานมาสืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 198 ทวิ วรรคห้า จึงเป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

อนึ่ง คดีนี้โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาศาลชั้นต้นและขอให้พิจารณาใหม่ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาในทุนทรัพย์ 149,269.01 บาท จึงเกินกว่าที่ต้องเสีย เห็นสมควรคืนส่วนที่เกินแก่โจทก์”

พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ตั้งแต่การสืบพยานโจทก์ แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งไปตามรูปคดี ให้คืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์เสียเกิน 200 บาท ในชั้นฎีกาแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share