คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5438/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายผู้ตายถูกยิงล้มก่อนที่จำเลยจะได้รับปืนจากข. แสดงว่าข.พวกจำเลยยิงผู้ตายแต่จำเลยกับข.ร่วมกันมีสาเหตุกับผู้ตายจำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายตามฟ้องโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นส่วนจำเลยอุทธรณ์คำคัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นนี้ว่าจำเลยมิได้มีส่วนร่วมกับข. ในการกระทำผิดดังกล่าวดังนั้นข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ยิงผู้ตายจึงเป็นยุติการที่ศาลอุทธรณ์นำคำให้การในชั้นสอบสวนของส.พยานโจทก์ที่ให้การว่าส. เห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายล้มมารับฟังว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายนั้นจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83, 80, 60, 371, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 83และมาตรา 288, 80, 60, 83 จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ให้วางโทษจำคุก 18 ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวให้วางโทษจำคุก 12 ปี รวม 2 กระทงเป็นวางโทษจำคุก 30 ปี ของกลางปลอกกระสุนปืน ลูกกระสุนปืนและเศษตะกั่ว เป็นของที่ใช้ในการกระทำความผิดให้ริบคำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า การที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย จำเลยจึงกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายนั้น เป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ปัญหานี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายผู้ตายถูกยิงล้มก่อนที่จำเลยจะได้รับปืนจากนายขุน แสดงว่านายขุนพวกจำเลยยิงผู้ตาย แต่จำเลยกับนายขุนร่วมกันมีสาเหตุกับผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับพวกฆ่าผู้ตายตามฟ้อง โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นนี้ว่า จำเลยมิได้มีส่วนร่วมกับนายขุนในการกระทำผิดดังกล่าว ดังนั้นข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาจึงเป็นยุติการที่ศาลอุทธรณ์นำคำให้การในชั้นสอบสวนของนายสมชายพยานโจทก์ที่ให้การว่า นายสมชายเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายล้ม มารับฟังว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้ตายนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่โต้เถียงกันในชั้นอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไปว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการในการใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจำเลยไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แต่ฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสมชายกระสุนปืน 2 นัดถูกบริเวณลำตัวของนายสมชายและยิงพลาดไปถูกนางสังเวียนด้วยจำเลยจึงมีความผิดฐานพยานยามฆ่านายสมชายบทหนึ่ง และมีความผิดฐานพยายามฆ่านางสังเวียนอีกบทหนึ่ง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 บทหนึ่ง และมาตรา 288, 80, 60 อีกบทหนึ่งและให้ยกฟ้องโจทก์ ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 เสียด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share