แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา7,72วรรคแรกส่วนการมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองไม่ได้ไว้ในครอบครองเป็นความผิดตามมาตรา55,78วรรคแรกเมื่อจำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองแม้ในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แม้โจทก์ฎีกาแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคแรก, 55, 72 วรรคแรก,72 ทวิ วรรคสอง, 78 เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือนปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบของกลาง ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษให้จำเลยและไม่ปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าการมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่างกรรมกันนั้น เห็นว่า การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคแรก ส่วนการมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองไม่ได้ ไว้ในครอบครองเป็นความผิดตามมาตรา 55, 78 วรรคแรก การที่กฎหมายบัญญัติบทความผิดและบทลงโทษไว้คนละมาตราย่อมเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ว่ามีความประสงค์จะแยกความผิด 2 ฐานนี้ออกจากกัน แม้จำเลยจะมีอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองในเวลาเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น และกรณีไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้ออื่นอีกต่อไป
อนึ่ง คดีนี้แม้โจทก์จะฎีกามาแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายแต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ และเมื่อได้พิจารณาถึงพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำจึงเห็นควรลงโทษปรับด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่งให้จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตวางโทษปรับกระทงละ 2,000 บาท อีกสถานหนึ่งด้วย เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วเป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือนปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี9 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1