คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำซัดระหว่างคนร้ายด้วยกันจะฟังมาประกอบคดีในศาลใช้ยันแก่จำเลยได้ไม่จะใช้ยันเป็นพยานหลักฐานได้ก็เฉพาะใช้ยันตัวผู้ให้การโดยเฉพาะตัว (อ้างฎีกาที่ 758/2487,944/2500)
เมื่อพิเคราะห์ถึง อายุ ประวัติ ความประพฤติและพฤติการณ์ของจำเลยเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว ศาลจะวางเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติของจำเลยไว้เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยเองตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.2494 มาตรา64 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2506 มาตรา 14 ก็ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้มีดแทงทำร้ายร่างกายนายทวีศักดิ์ ปัญญาพาณิชกุล โดยมีเจตนาฆ่า และแทงทำร้ายร่างกายนายชาญศักดิ์ แซ่อึ้ง จนเกิดอันตรายได้รับบาดเจ็บตรงสีข้างขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 295, 83, 91

ศาลคดีเด็กและเยาวชนเห็นว่า หลักฐานพยานโจทก์ยังไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยร่วมกระทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่พิเคราะห์ถึงประวัติ ความประพฤติของจำเลยและพฤติการณ์ของจำเลยเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว ให้วางเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยไว้ ห้ามจำเลยเข้าไปในบาร์หรือคลับกลางคืนที่จำหน่ายสุรา มีการเต้นรำหรือสถานที่อื่นที่คล้ายคลึงกัน มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๆ 3 เดือนต่อครั้งมีกำหนด 1 ปี

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนเชื่อว่าจำเลยร่วมกับนายไพโรจน์และพรรคพวกร่วมกันฆ่าและทำร้ายจริง พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 และ 295 ให้ลงโทษตามมาตรา 288 จำคุกจำเลย 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งคงจำคุก 10 ปี ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนดไม่ต่ำกว่า 6 ปี แต่ไม่เกินกว่าอายุจำเลยครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำให้การชั้นสอบสวนของนายไพโรจน์และนายพงษ์เพชร เป็นคำให้การชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่จำต้องกล่าวต่อหน้าจำเลย ทั้งเป็นคำซัดระหว่างคนร้ายด้วยกัน จะฟังมาประกอบคดีในศาลใช้ยันแก่จำเลยหาได้ไม่ จะใช้ยันเป็นพยานหลักฐานได้ก็เฉพาะใช้ยันผู้ให้การโดยเฉพาะตัว เรื่องทำนองนี้ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ตามฎีกาที่ 758/2487, 944/2500 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนยังไม่เห็นพ้องด้วย เมื่อพิจารณารายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยของพนักงานคุมประพฤติ โดยพิเคราะห์ถึง อายุ ประวัติความประพฤติและพฤติการณ์ของจำเลยเกี่ยวกับคดีนี้แล้ว เห็นควรวางเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติของจำเลยไว้เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยเอง ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ. 2494 มาตรา 64 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2506 มาตรา 14 ซึ่งเมื่อพิจารณาเงื่อนไขที่ศาลชั้นต้นวางไว้นั้น เห็นว่าเป็นการสมควรและเหมาะสมแล้ว

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share