คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5426/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามป.วิ.พ. มาตรา 62 วรรคสอง เป็นกรณีที่ตัวความจะปฏิเสธหรือแก้ไขข้อเท็จจริงที่ทนายความของตนได้กล่าวด้วยวาจาต่อหน้าตนในศาลเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การต่อสู้คดีเป็นหนังสือจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจปฏิเสธหรือแก้ไขข้อเท็จจริงตามคำให้การนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกู้ยืมเงินโจทก์ไปแล้วไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ ลายมือชื่อในสัญญากู้ยืมเงินตามฟ้องเป็นลายมือชื่อปลอม จำเลยทั้งสองเคยกู้ยืมเงินโจทก์เพียงครั้งเดียว จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บบาท แต่ชำระให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันกู้จนกว่าจะชำระเสร็จ แต่คำนวณถึงวันฟ้องแล้วต้องไม่เกิน ๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้นำดอกเบี้ยที่ชำระแล้วจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท มาหักออกจากจำนวนที่ต้องชำระด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่าจำเลยทั้งสองได้เบิกความยืนยันตลอดมาว่า ไม่ทราบว่าทนายของจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การขัดต่อความเป็นจริง และจำเลยทั้งสองได้อุทธรณ์โต้แย้งคำให้การของทนายจำเลยทั้งสองไว้แล้ว จำเลยทั้งสองย่อมมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องตามความเป็นจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารนาความแพ่ง มาตรา ๖๒ วรรคสองนั้นเห็นว่า คำให้การของจำเลยทั้งสองได้ให้การปฏิเสธไว้ชัดว่า ไม่เคยลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินตามฟ้อง ลายมือชื่อตามสัญญากู้เงินตามฟ้องเป็นลายมือชื่อปลอม และจำเลยทั้งสองเคยกู้ยืมเงินโจทก์เพียงครั้งเดียว จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นั้นปรากฏว่าทนายของจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำให้การไว้เป็นหนังสือ หาใช่ได้กล่าวด้วยวาจาต่อหน้าจำเลยทั้งสองในศาลไม่ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖๒ วรรคสอง ที่จำเลยทั้งสองฎีกาอ้างมานั้น เป็นกรณีที่ตัวความมีสิทธิที่จะปฏิเสธหรือแก้ไขข้อเท็จจริงที่ทนายความของตนได้กล่าวด้วยวาจาต่อหน้าตนในศาลเท่านั้น คดีนี้เป็นเรื่องที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การต่อสู้คดีเป็นหนังสือ จำเลยทั้งสองจึงไม่อาจปฏฺิเสธหรือแก้ไขข้อเท็จจริงตามคำให้การนั้นได้ จึงต้องฟังตามคำให้การที่จำเลยทั้งสองได้ให้การต่อสู้ไว้ดังกล่าวข้างต้นฉะนั้น ในเมื่อจำเลยทั้งสองให้การดังกล่าว แต่ทางพิจารณากลับนำสืบต่อสู้ว่าได้กู้เงินโจทก์มา ๕๐๐,๐๐๐ บาท จึงขัดกับคำให้การและเป็นการนำสืบนอกเหนือคำให้การของจำเลยทั้งสอง คำเบิกความของจำเลยทั้งสองจึงรับฟังไม่ได้พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักดีกว่า น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปตามฟ้องจริง
พิพากษายืน.

Share