คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5423/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่2มีภูมิลำเนาไม่แน่นอนและโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใดการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2ไม่สามารถจะทำได้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่2โดยการประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่2ทราบที่หน้าศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคหนึ่ง การปิดประกาศคำบังคับที่หน้าศาลมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด15วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79วรรคสอง ศาลชั้นต้นปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่9กันยายน2534ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่2แล้วเมื่อวันที่24กันยายน2534และเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่2เป็นคดีล้มละลายเนื่องจากจำเลยที่2ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้จำเลยที่2เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเองเมื่อวันที่5มีนาคม2535การที่จำเลยที่2ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่10เมษายน2535จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาแก่จำเลยที่2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้ว

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้และให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดด้วย จำเลยที่ 1ยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความ และพิพากษาให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องเมื่อวันที่4 กรกฎาคม 2534
จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2535อ้างว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ตามโจทก์ฟ้องจึงไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ยังไม่ได้รับคำบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดหรือรับผิดน้อยกว่าคำพิพากษา ขอให้ศาลพิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์เคยมีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 2ชำระหนี้ตามคำพิพากษา แต่ไม่ยอมชำระ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 2เป็นคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535 จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เกิน 15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับจำเลยที่ 2 มีที่อยู่ไม่แน่นอน การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศหนังสือพิมพ์ชอบแล้ว ขอให้ยกคำขอของจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำขอ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาไม่แน่นอนและโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใด การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ไม่สามารถจะทำได้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2โดยการประกาศหนังสือพิมพ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 79 วรรคหนึ่ง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อต่อไปมีว่า จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดหรือไม่ คดีนี้จำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาไม่แน่นอน และโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่แห่งใดศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยที่ 2 ทราบที่หน้าศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคหนึ่งปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ปิดประกาศคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่9 กันยายน 2534 และคำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อกำหนด 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามมาตรา 79 วรรคสอง จึงถือว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยที่ 2 แล้วเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2534 นอกจากนี้เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีล้มละลาย เนื่องจากจำเลยที่ 2ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยที่ 2 ก็เป็นผู้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2535 การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2535จึงพ้นกำหนดสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว
พิพากษายืน

Share