แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม โจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาทรัพย์เป็นของตนทั้งหมดคำขอของโจทก์ตามฟ้องนั้น เพื่อจะได้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของผู้ตาย เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ตายในที่ดินและตึกพิพาท ศาลก็ต้องยกฟ้อง คดีชนิดนี้ศาลไม่สมควรที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายฮองเอ๋งได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างให้แก่บุตร ซึ่งเกิดกับโจทก์กับบุตรของจำเลยที่ ๑ จำเลยไม่มีชื่อในพินัยกรรม จำเลยที่ ๑ – ๒ ซึ่งเป็นบุตรและหลายของนางแจ่มภรรยาเดิม ของนายฮองเอ๋ง ตามลำดับ ได้ขอรับมรดก ที่ดินส่วนของนางแจ่มเป็นเนื้อที่ครึ่งหนึ่งในโฉนดที่นั้น เจ้าพนักงานที่ดินจัดการโอนที่ดินให้ตามนั้น ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินตามโฉนดรายนี้เป็นของนางฮอง เอ๋งผู้ทำพินัยกรรมแต่ผู้เดียว ให้สั่งทำลายนิติกรรมการจดทะเบียนโอนมรดกที่ดินส่วนของนางแจ่มแก่จำเลยนั้นเสีย และให้เจ้าพนักงานที่ดินลงชื่อโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกในโฉนดที่ดินนั้น ห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้อง
จำเลยต่อสู้ว่านายฮองเฮ๋ง ไม่มีอำนาจที่จะทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของแจ่ม ซึ่งตกมาเป็นกรรมสิทธิ์จำเลยที่ ๑ – ๒ ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจจัดการมรดกของนายฮองเฮ๋ง ตามพินัยกรรมในที่ดินเต็มเนื้อที่ทั้งโฉนด คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่ดินและตึกพิพาทจำนวน ๑/๒ ใน ๓ ส่วน หรือ ๑ ใน ๖ ส่วนเป็นมรดกของนางแจ่ม จำเลยที่ ๑ – ๒ เป็นผู้มีสิทธิรักมรดกของนางแจ่ม โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของนายฮองเฮ่ง แต่ผู้เดียว ทั้งไม่สิทธิที่จะห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท ไม่จำต้องวินิจฉัยในข้อที่จำเลย ต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อที่ให้ยกฟ้อง แต่เห็นว่าในคดีนี้ไม่สมควรที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใด
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจริง และคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าในคดีนี้ไม่สมควรที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใด ไม่ชอบ
ศาลฎีกาเชื่อว่า เมื่อนางแจ่มตายแล้ว จำเลยที่๑ และนางเนื่องได้ครอบครองที่ดินและตึกพิพาทอันเป็นมรดกของนางแจ่มร่วมกับนางฮอง เอ๋ง มาเกินกว่า ๑ ปีจำเลยที่และที่ ๒ เป็นทายาทของนางแจ่ม และนางเนื่อง (ซึ่งเป็นบุตรนางแจ่ม) ตามลำดับมีส่วนได้ในที่ดิน และตึกพิพาท ย่อมขอรับมรดกรายนี้ได้ ไม่ขาดอายุความ
ปัญหาที่ว่า ในการพิพากษาคดีนี้จะควรชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใดหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ไม่สมควรที่จะชี้ขาดว่าฝ่ายใดควรได้ส่วนแบ่งเท่าใด เพราะปรากฏว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายฮองเอ๋งตามพินัยกรรม โจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาทรัพย์เป็นของตนทั้งหมด ซึ่งตาม ม.๑๔๒(๒) แห่ง ป.วิ.แพ่ง ว่า หากพิจารณาได้ความว่าโจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง ศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้น ก็ได้ คำขอของโจทก์ฟ้องนั้น เพื่อจะได้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนายฮองเอ๋ง เมื่อฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับนายฮองเอ๋ง ในที่ดินและตึกพิพาทอยู่ ศาลก็ต้องยกฟ้องไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยปัญหาอื่น
พิพากษาอื่น