คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 542/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ขณะที่ฟ้องคดีศาลชั้นต้นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งใช้อยู่ขณะนั้นจะให้อำนาจคู่ความฎีกาได้เพราะทุนทรัพย์ถึง4,000 บาท แต่ถ้าหากต่อมาเมื่อคดีนั้นจะฎีกา มีกฎหมายแก้ไขทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาให้มากขึ้น โดยกำหนดว่าถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ต้องเกิน 5,000 บาท จึงจะฎีกาได้ก็ต้องถือเอาตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เพราะกฎหมายอันเกี่ยวด้วยระเบียบวิธีพิจารณานั้นบังคับได้ทันที

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่ 10 ไร่ราคา 4,000 บาท ในโฉนด 3038 ตำบลหนองรีอำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ของจำเลยเป็นส่วนของโจทก์ ๆ ครอบครองโดยสงบเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปี ขอให้ศาลแสดงว่าเป็นของโจทก์
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทนี้เดิมนายกี้ หรือสุนทร และนายโฮ้สามีโจทก์และนายเต็งได้รับมรดกคนละ 3 ไร่เศษ ต่อมาส่วนของนายกี้ หรือสุนทรตกมาเป็นของบิดาจำเลย โดยนายสุนทร หรือกี้แพ้คดีนางชื่นจำนงค์ลาภ ศาลยึดมาขายทอดตลาด บิดาจำเลยซื้อไว้ แล้วต่อมาได้ยกให้จำเลย ส่วนของนายโฮ้ ๆ ขายให้นายเต็ง ๆ ขายให้นายฮ้งและนางพูนศรี ยกให้จำเลยต่อมา และเมื่อ พ.ศ. 2488 จำเลยนำโฉนดไปโอนรับมรดกต่อเจ้าพนักงานที่ดิน มีการโฆษณาแต่ไม่เห็นโจทก์ไปคัดค้าน ทั้งต่อมาโจทก์ยังได้ทำสัญญาเช่าที่พิพาทไปจากจำเลย เช่นนี้แสดงว่าโจทก์มิได้ครอบครองที่มาโดยอำนาจปรปักษ์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ๆ รับมรดกและครอบครองมาเกิน 10 ปี ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกที่พิพาทให้โจทก์
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาไว้โดยสั่งว่าคดีนี้เมื่อแรกฟ้องทุนทรัพย์ 4,000 บาท เดี๋ยวนี้ทุนทรัพย์ ต้องเกิน 5,000 บาท จึงจะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ เห็นว่าสิทธิมีอยู่ก่อนแล้ว จึงให้รับฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่า ฎีกาไม่ได้ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่แก้ไขใหม่นั้นบังคับใช้ได้ทันที

Share