คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5418/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือมอบอำนาจระบุว่า โจทก์ที่ 2 ถึงโจทก์ที่ 4 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ดำเนินคดีแทน โดยโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 4 ลงชื่อในช่องผู้มอบอำนาจไม่มีระบุไว้ด้วยว่าในฐานะพยาน ส่วนโจทก์ที่ 3 พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ที่บริเวณช่องว่างด้านซ้ายมือของลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 ดังนี้ เมื่อหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมีเพียงจ.ลงลายมือชื่อในฐานะพยานเพียงคนเดียวเท่านั้น หาอาจถือได้ว่าลายมือชื่อโจทก์ที่ 2 และที่ 4 ที่ลงไว้ในช่องผู้มอบอำนาจนั้นได้รับรองลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ที่ 3ด้วย ลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ที่ 3 จึงมีพยานรับรองไม่ถึง 2 คน เท่ากับว่าโจทก์ที่ 3 ไม่ได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้มอบอำนาจโดยสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 9วรรคสาม โจทก์ที่ 1 จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ที่ 3
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ได้กู้เงินจากจำเลยและ ส.โดยให้ยึดถือ น.ส.3 ก.ของที่ดินพิพาทไว้เป็นประกันและยินยอมให้เข้าทำนา หากภายใน3 ปี โจทก์ที่ 1 ไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ โจทก์ที่ 1 ยินยอมโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและ ส. การที่ในทางพิจารณาโจทก์ทั้งสี่นำสืบว่า โจทก์ที่ 1 นำที่ดินของโจทก์ที่ 1 และของโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 4 ไปขายให้แก่จำเลยและ ส.โดยมีเงื่อนไขว่าจะไถ่ถอนภายใน 3 ปี หากไม่ไถ่ถอนภายใน 3 ปี ให้หมดสิทธิไถ่ถอนนั้น เป็นการนำสืบนอกฟ้องแตกต่างไปจากคำฟ้องอย่างชัดแจ้ง จึงหาใช่การนำสืบความเป็นมาแห่งหนี้ไม่

Share