คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภรรยาเป็นผู้ทำสัญญาเช่าจึงเป็นคู่สัญญากับผู้ให้เช่า สามีมิใช่คู่สัญญาด้วย ย่อมเป็นเพียงบริวารเท่านั้น (อ้างฎีกาที่ 898/2491) เมื่อสัญญาเช่าสิ้นอายุและภรรยาได้ออกไปจากห้องเช่าแล้ว สามีย่อมไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องเช่าต่อไป ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางนพ ลาภนาคทองเช่าห้องโจทก์ ครบกำหนดเช่าแล้วนางนพเลิกสัญญาเช่าและออกจากห้องไป แต่จำเลยเป็นบุคคลภายนอกยังคงอยู่ในห้องเช่ารายนี้ โจทก์แจ้งให้จำเลยออกไปจำเลยก็ยังขืนอยู่จึงขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่า ได้ให้นางนพ ภรรยาจำเลยทำสัญญาเช่าแทนหรือร่วมกับจำเลย นางนพหนีจากห้องไป จำเลยเป็นผู้ส่งค่าเช่าตลอดมาจำเลยจึงได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และนางนพไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยผู้สามี

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า นางนพเป็นภรรยาจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย นางนพเป็นผู้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ข้อที่ว่านางนพเช่าแทนจำเลย ฟังไม่ได้จำเลยจึงเป็นบุคคลภายนอก มิใช่คู่สัญญากับโจทก์ไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ข้อที่นางนพบอกเลิกการเช่าใช้ได้หรือไม่ไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยพิพากษาให้ขับไล่

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นสามีนางนพ นางนพได้สิทธิการเช่ามาจำเลยย่อมได้สิทธิด้วย เมื่อนางนพบอกเลิกการเช่าก็เป็นเรื่องของนางนพสละสิทธิการเช่าเฉพาะตัว สิทธิของจำเลยยังคงมีอยู่การบอกเลิกการเช่าโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยใช้ไม่ได้ แม้สัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว จำเลยก็ยังได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า นางนพเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ จำเลยสามีนางนพไม่ใช่คู่สัญญา จึงเป็นเพียงบริวารของนางนพเท่านั้น เทียบฎีกาที่ 898/2491เมื่อนางนพออกจากห้องเช่าไปและสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้วจำเลยผู้เป็นบริวารจึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องพิพาทต่อไป จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share